พี่น้อง ClearBear อยากให้เราเปิดรับธรรมชาติ

วัฒนธรรม

การเคารพต่อสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งจากวัฒนธรรมพื้นเมืองของเหล่าพี่น้อง ClearBear และเป็นสิ่งที่พวกเขาบอกว่าเราทุกคนบ่มเพาะขึ้นได้

อัพเดทล่าสุด: 4 พฤษภาคม 2564

มากันพร้อมหน้า: ถึงตัวจะห่างไกล แต่ใจเราไม่ห่างกัน เราได้พูดคุยกับ
นายแบบประจำลุคบุ๊ควันหยุดเทศกาล 2020 ในเรื่องความหมายของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ณ ช่วงเวลานี้

มากันพร้อมหน้า: ถึงตัวจะห่างไกล แต่ใจเราไม่ห่างกัน เราได้พูดคุยกับ
นายแบบประจำลุคบุ๊ควันหยุดเทศกาล 2020 ในเรื่องความหมายของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ณ ช่วงเวลานี้

สำหรับพี่น้องหนุ่มแฝด ClearBear และ Haatepah ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ผู้คนใกล้ชิดกันได้มากกว่าความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ

“ร่างกายของเราประกอบด้วยของเหลว โลหะ และแร่ธาตุเดียวกันที่เป็นทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้และในจักรวาล” ClearBear วัย 22 ปีกล่าว “เรามีสิ่งนั้นอยู่ในเลือดของเรา ในความเป็นตัวเรา และเราก็ไม่อาจลืมได้”

ClearBear ร่วมกับ Cualia ได้ก่อตั้ง Indigenous Alliance Movement ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และช่วยให้ผู้คนกลับมาเชื่อมต่อกับรากเหง้าพื้นเมืองของตนอีกครั้ง นี่เป็นการเดินทางร่วมกันของ 2 พี่น้องหลังจากที่มีคนมารับเลี้ยงไปตั้งแต่เด็กและต่อมาได้ค้นพบรากเหง้าชนพื้นเมืองของตนว่าตัวเองมีเชื้อสายเผ่า Kumeyaay, Pai Pai และ Chichimeca-Guamare ปัจจุบันทั้งคู่มองตัวตนของพวกเขาที่เป็นชายหนุ่มพื้นเมืองว่าเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและสร้างความตระหนักรู้ในด้านปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อทั้งกลุ่มชนพื้นเมืองและต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาบอกว่าเกี่ยวพันและมีผลกับทุกคน

“วิถีของเราในฐานะคนพื้นเมืองมาพร้อมกับแผ่นดินนี้ เพราะเราคือแผ่นดิน” Haatepah กล่าว “พวกเราทุกคนคือแผ่นดิน”

พี่น้อง 2 หนุ่มอาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนียและทำงานดนตรีไปพร้อมๆ กับทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางสังคม ทั้งคู่ได้พูดคุยกับเราถึงการอยู่ใกล้ชิดกันแม้ตัวจะห่างไกล และรวมถึงพูดคุยว่าทุกคนสามารถสานสัมพันธ์กับธรรมชาติได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในตอนนี้ได้อย่างไร

พี่น้องฝาแฝดชนพื้นเมือง ClearBear กับ Haatepah พูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขากับธรรมชาติ

ClearBear (ซ้าย), Haatepah (ขวา)

ดูเหมือนว่าความใกล้ชิดแน่นแฟ้นของพวกคุณไม่ได้เกิดขึ้นจากแค่ความเป็นพี่น้องหรือฝาแฝด แต่เป็นความสัมพันธ์ที่มาจากการค้นพบรากเหง้าและตัวตนร่วมกัน และยังมาจากการดิ้นรนฝ่าฟันก่อนหน้าด้วย การเดินทางครั้งนั้นเป็นอย่างไรสำหรับคุณทั้งคู่

ClearBear:
ตอนนั้นยังเด็กมาก [ตอนมีคนรับไปเลี้ยง] เราเลยยังไม่ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับวัฒนธรรมของตัวเองเท่าไรนัก เพราะยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ ตอนแรกผมกลัวสิ่งที่ผมเป็น ไม่ใช่เพราะประวัติศาสตร์ของครอบครัวนะ แต่แค่เพราะผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร

[ผู้อุปการะของเราบอกเราว่า] “ลูกๆ เป็นชาวพื้นเมือง” คำนี้คลุมเครือมาก ทั่วทั้งทวีปมีวัฒนธรรม ภาษา และชนเผ่าต่างๆ เต็มไปหมด การมาบอกว่าเราเป็นชาวอเมริกันพื้นเมืองไม่ได้ทำให้อะไรๆ ชัดเจนขึ้นเลย

แต่การได้รู้แค่นี้ก็ทำให้เราหาคำตอบได้ว่าเราเป็นใครมาจากไหน เราหลงใหลในประวัติศาสตร์และการอพยพของชนพื้นเมืองมาตลอดจริงๆ เราจึงนำอะไรๆ มาปะติดปะต่อกันได้หลายอย่าง

Haatepah: ตอน 8 หรือ 9 ขวบ พวกเรารู้กันแค่ว่าเราเป็นชนพื้นเมืองอเมริกันดั้งเดิมหรือกลุ่มปฐมชาติ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเผ่าไหน

เราจึงได้ก่อตั้งสโมสรชาวอเมริกันพื้นเมืองขึ้นในโรงเรียนมัธยม รวมนักเรียนชาวอเมริกันพื้นเมืองทุกคนเป็นกลุ่มก้อน และพยายามจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของเรา ด้วยความที่ไม่รู้ว่าเรามีเชื้อสายมาจากเผ่าไหน เราเลยได้สั่งสมความรู้จากทุกเผ่าทั่วทั้งทวีปอเมริกา ทั้งอเมริกาเหนือ กลาง ใต้ ตั้งแต่อะแลสกาไล่ลงไปจนถึงใต้สุดของชิลีและอาร์เจนตินา เราหาข้อมูลกันจริงจัง และหมกมุ่นอยู่กับมันจริงๆ

ClearBear: ใช่เลย เราทำอย่างนั้นกันจริงๆ

Haatepah: ก็เลยเรียนรู้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอได้เจอกับครอบครัวแท้ๆ ของเรา ได้ถามไถ่ สืบสาวราวเรื่องจนได้รู้ว่าตัวเรามาจากเผ่าใด

รู้สึกอย่างไรตอนที่ได้ค้นพบตัวตนในฐานะคนพื้นเมืองในที่สุด และพูดได้เต็มปากว่า “นี่คือที่มาของเรา เราเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนกลุ่มนี้”

ClearBear: ต้องบอกเลยว่า เหมือนกับเวลาฟังเพลงที่เพราะจับใจแล้วขนลุกเพราะเพลงนั้นมันสุดยอดจริงๆ ความรู้สึกคือเป็นแบบนั้นเลย แบบว่า สุดยอด เหลือเชื่อมาก ให้ตายเถอะ กลุ่มชาติพันธุ์ของผมมันน่าทึ่งอะไรเช่นนี้

พี่น้องฝาแฝดชนพื้นเมือง ClearBear กับ Haatepah พูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขากับธรรมชาติ
พี่น้องฝาแฝดชนพื้นเมือง ClearBear กับ Haatepah พูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขากับธรรมชาติ
พี่น้องฝาแฝดชนพื้นเมือง ClearBear กับ Haatepah พูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขากับธรรมชาติ

“ถ้าจะให้พูดตรงๆ เลยก็คือ พวกเราเป็นนักสิ่งแวดล้อม ‘รุ่นดั้งเดิม’ เลยครับ เรารู้ดีมาเสมอว่าจะทำงานกับผืนดินอย่างไร”

Haatepah

คุณทั้งคู่มีความกระตือรือร้นในการสร้างความตระหนักรู้ไม่เพียงแค่เรื่องสิทธิของชนพื้นเมือง แต่ยังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ด้วย การค้นพบรากเหง้าของคุณนำไปสู่การผลักดันทั้ง 2 เรื่องนี้ไปพร้อมๆ กันอย่างไร

Haatepah:
ครับ ถ้าจะให้พูดตรงๆ เลยก็คือ พวกเราเป็นนักสิ่งแวดล้อม “รุ่นดั้งเดิม” เลยครับ เรารู้ดีมาเสมอว่าจะทำงานกับผืนดินอย่างไรให้สมดุล ไม่ใช่ทำขัดกับมัน ดังนั้นในด้านสิ่งแวดล้อมของเรื่องนี้ ซึ่งก็คือการเรียกคืนความเป็นชาติพันธุ์ของคุณนั้นถือว่าไปด้วยกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์

ClearBear: ในมุมมองแบบโลกตะวันตก เราโฟกัสเรื่องการใช้ผืนดิน การควบคุมผืนดิน มากกว่าการทำงานกับมัน มนุษย์มีอีโก้อยู่เหนือทุกสิ่งเมื่อพูดถึงเรื่องที่ดินและทรัพยากร อย่างอื่นอาจจะละทิ้งหรือหมดไปได้ แต่ความปรารถนาและความต้องการของเราจะไม่มีวันสิ้นสุด

สิ่งที่บรรพบุรุษของเรายึดถือและปฏิบัติ รูปแบบการดำเนินชีวิตทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายอย่างเหล่านั้นคือสิ่งที่เรียกกันว่าการใช้ชีวิตกึ่งเพาะปลูก ซึ่งคือการทำงานร่วมกับผืนดิน เราทำงานกับผืนดินในวิธีที่มันสามารถเจริญงอกงาม เราหล่อเลี้ยงผืนดินและผืนดินก็หล่อเลี้ยงเรา

น่าประหลาดที่แม้ด้วยวัฒนธรรมที่แตกต่างกันทั้งหมดนี้ ภาษาที่แตกต่างกันทั้งหมดนี้ และระบบความเชื่อที่แตกต่างกันทั้งหมดนี้ สิ่งหนึ่งที่วัฒนธรรมชนพื้นเมืองทั้งหมดมีเหมือนกันก็คือความรู้พื้นฐานที่ว่าคุณเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ และสิ่งที่คุณทำกับมัน ก็จะคืนมายังคุณ

“คุณไม่จำเป็นต้องวิ่งไปพร้อมกับโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรีบและให้หาเวลาพักผ่อน”

ClearBear

ผู้คนมากขึ้นใช้เวลาช่วงนี้ออกไปข้างนอกและดื่มด่ำกับธรรมชาติบ่อยยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะของวัฒนธรรมพื้นเมืองของคุณที่สืบต่อกันมา พอจะเล่าให้ฟังเพิ่มอีกสักหน่อยได้ไหมว่าคุณมองว่าผู้คนเชื่อมต่อกันด้วยวิธีนี้อย่างไร

ClearBear:
พวกเราหลายคนเริ่มจะทนไม่ไหวกับการที่ต้องอยู่แต่ในบ้านตลอดเวลา และเราก็อยากหาทางหนีไปทำอย่างอื่นบ้าง เรากำลังชะลอและหยุดพัก คุณออกไปข้างนอก คุณได้เชื่อมต่อกับธรรมชาติ โลก บรรพบุรุษของคุณมากขึ้น ลองคิดถึงว่าใครอยู่ที่นี่มาก่อน หรือโอ้โห วิวสวยมาก ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันไม่เคยหยุดดูสิ่งนี้มาก่อน

อาจมีความกังวลมากมายในการทำงานสายนักเคลื่อนไหวและทำให้คุณเครียดมาก สำหรับผม ยาคลายความเครียดที่ดีที่สุดก็คือธรรมชาติ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังดูซ้ำซาก แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าได้ออกไปเดินเล่นสูดอากาศในธรรมชาติ คุณจะรู้สึกดีขึ้นมาก

รู้สึกไหมว่าคุณทั้งคู่สนิทกันมากขึ้น และใกล้ชิดกับผืนดินมากขึ้นด้วยเช่นกันในช่วงเวลานี้

ClearBear:
ไม่นานมานี้ผมเพิ่งได้รถบ้าน เลยกำลังเห่ออยู่ และแน่นอนว่าก็รักษาระยะห่างจากคนอื่นด้วย ต้องปลอดภัยไว้ก่อน ผมเพิ่งขับไปยังที่ต่างๆ และได้ชื่นชมธรรมชาติ สังคมนี้เปลี่ยนแปลงเร็วเหมือนรถที่วิ่งด้วยความเร็ว 120 กม./ชม. ผมรู้สึกว่าอย่างน้อยข้อดีหนึ่งของช่วงกักตัวนี้ก็คือการได้ใช้เวลาพักหายใจสักวินาที เพราะเราไม่ได้มีโอกาสพักหายใจและอยู่กับปัจจุบันแบบนี้กันบ่อยๆ

คุณยังทำงานดนตรีร่วมกันอีกด้วย ในฐานะพี่น้อง การชอบสิ่งเดียวกันและเป็นเพื่อนร่วมงานกันด้วยนั้นเป็นอย่างไร

Haatepah:
เมื่อคุณไม่ได้อยู่กับคนที่สนิทจริงๆ หรือใกล้ชิดแน่นแฟ้นกันมาก ก็มักจะมีความคิดอยู่ในหัวเสมอว่า อื้ม ผมไม่อยากทำตัวขายหน้านะ เมื่อคุณอยู่กับพี่น้องของตัวเอง คุณทั้งคู่ได้เห็นแต่ละคนผิดพลาด เซ่อซ่าบ้าบออยู่ตลอดเวลา มันเลย…

ClearBear: …ไม่มีความกดดันแบบนั้นเลย

Haatepah: ใช่เลย และผมคิดว่าพวกเราหลายคนที่เป็นครีเอทีฟ เราจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อเราไม่ได้อยู่ภายใต้ความเครียดมากนัก

ClearBear: เวลาเราทำเพลงและเราสร้างบรรยากาศหรืออารมณ์นั้น เขารู้ดีว่าอารมณ์ไหนที่ผมพยายามจะถ่ายทอดเมื่อผมร้องเพลง หรือเมื่อเขาร้องเพลงผมก็รู้ดีว่าต้องทำอย่างไร เหมือนว่า อื้ม ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันรู้ว่านายรู้สึกอย่างไร

Haatepah: ใช่เลย เราช่วยเสริมกันและกันได้อย่างง่ายดายจริงๆ ดีกว่าคนอื่นๆ

พี่น้องฝาแฝดชนพื้นเมือง ClearBear กับ Haatepah พูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขากับธรรมชาติ

“ร่างกายของเราประกอบด้วยของเหลว โลหะ และแร่ธาตุเดียวกันที่เป็นทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้และในจักรวาล และเราก็ไม่อาจลืมได้”

ClearBear

แนวคิดของการรวมพลังกันขยายไปยังงานของคุณอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องสิทธิของชนพื้นเมืองหรือการเคลื่อนไหวเรื่องสิ่งแวดล้อม

ClearBear:
หลายคนเข้าสู่วงการนักเคลื่อนไหว โดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่ก็จะมีความคิดอยู่ลึกๆ ว่า ฉันอยากเป็นสุดยอดนักเคลื่อนไหว อยากเป็นคนโด่งดังคนต่อไป แต่คุณจะเคลื่อนไหวให้สำเร็จด้วยวิธีนี้ไม่ได้ คุณต้องถ่อมตัวและทำงานร่วมกับผู้อื่น มิฉะนั้นจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย คนเราเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยตัวคนเดียวเพียงลำพังไม่ได้ คุณต้องทำงานกับคนอื่น ต้องฟังผู้ใหญ่ ต้องฟังคนที่มีประสบการณ์มาก่อน ไม่เช่นนั้นก็เสียเวลาเปล่า

Haatepah: [เผ่าของเรา] จะมีรอยสักเป็นเครื่องเตือนใจที่บอกว่า “ชุมชนมาก่อนตนเอง” ผู้หญิงจะได้รอยสักที่เรียกว่ารอยสัก 111 เป็นเลข 1-1-1 ซึ่งเป็นเส้น 3 เส้นที่วาดลงมาตามคาง และรอยสักนั้นหมายถึงฉันให้คุณค่ากับชุมชนของฉัน ผู้คนของฉัน ผู้คนที่สนับสนุนฉัน ผู้คนที่ให้คำแนะนำและชี้นำฉันตลอดชีวิตของฉัน และฉันจะตายเพื่อพวกเขา และฉันจะสนับสนุนพวกเขาในแบบที่ฉันทำได้ คุณจะต้องปฏิบัติตนให้ดีถึงจะได้รับสิทธิ์ให้มีรอยสัก "ชุมชนมาก่อนตนเอง"

ClearBear: และในหลายวัฒนธรรมพื้นเมืองที่แตกต่างกัน การยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางถือว่าเป็นอาการป่วยของจิตใจ และเป็นลักษณะที่นำไปสู่ความโลภซึ่งอาจทำลายชุมชนด้วยอีโก้ในที่สุด

พี่น้องฝาแฝดชนพื้นเมือง ClearBear กับ Haatepah พูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขากับธรรมชาติ

สุดท้ายนี้ มีอะไรจากเวลานี้ ช่วงเวลานี้ที่คุณได้หยุดพักและคิดทบทวน ที่คุณจะสานต่อเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรหรือชีวิตของคุณหรือไม่

Haatepah:
ผมคิดว่าต้องพยายามอดทนกับตัวเอง เราเป็นเพียงคนๆ หนึ่ง เป็นมนุษย์คนหนึ่ง และเราต้องใช้เวลาหยุดพักเพื่อหายใจ ทบทวนตัวเอง และผมจะพูดอย่างนี้เสมอ คือยกย่องโลก ยกย่องพระแม่ธรณีของเรา เพราะนี่คือสิ่งที่ทำให้เราทุกคนมีชีวิตอยู่มาเป็นแสนๆ ปี ไม่ว่าภูมิหลังของคุณจะเป็นอย่างไรก็ตาม

ClearBear: และเพื่อเป็นการทิ้งท้าย คุณไม่จำเป็นต้องวิ่งไปพร้อมกับโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรีบและให้หาเวลาพักผ่อน เพราะการพักผ่อนสำคัญ กลับไปมองสุขภาพของคุณ เคารพตัวคุณเอง แล้วคุณจะได้รับความเคารพจากผู้อื่น

รายงานเมื่อ: กรกฎาคม 2020

เผยแพร่ครั้งแรก: 22 เมษายน 2564