เกมกีฬาของเรา: เทนนิสถนน
ชุมชน
กีฬาเทนนิสอันสนุกสนานที่ดัดแปลงจากการเล่นบนสนามหญ้านี้เป็นหัวใจสำคัญของสตรีทคัลเจอร์แห่งบาร์เบโดส
“เกมกีฬาของเรา” คือซีรีส์แห่งการเฉลิมฉลองชุมชนนักกีฬาที่คิดค้นเกมกีฬาขึ้นเองจากทั่วโลก
ท่ามกลางตึกรามบ้านช่องหลากสีสันในย่าน Pine เขต St. Michael ประเทศบาร์เบโดส บนคอร์ทที่ขีดเขียนด้วยแท่งชอล์ก ลูกเทนนิสต่างพุ่งกันไปมาอย่างดุดันในบางจังหวะ แต่บางจังหวะก็สวยงามชวนมอง เกมหยุดลงชั่วครู่ระหว่างเซ็ตเมื่อมีรถขับผ่าน คนดูจะช่วยนับสกอร์ไปด้วย พากย์การแข่งขันไปด้วยอย่างมีสีสัน (และส่วนใหญ่จะเป็นภาษาแสลงหูแบบที่กองเซ็นเซอร์ไม่มีทางให้ผ่าน) ผู้เล่นคนหนึ่งเอี้ยวตัวออกไปหวังจะตีลูกโฟร์แฮนด์ แต่กลับไถลไปเสียจนหัวทิ่ม ทำเอาทุกคนหัวเราะกันหมด
“Dah fuh lick yuh!”
รุ่นใหญ่คนหนึ่งที่กำลังเล่นไพ่อยู่แซวผู้เล่นอย่างสนุกปากในภาษา Bajan ซึ่งเป็นภาษาถิ่นของที่นั่น (แปลว่า “สมน้ำหน้า!”)
นี่คือเทนนิสกลางถนน
และนี่คือความเป็นบาร์เบโดส
คอร์ทสำหรับแข่ง
หากถนนเป็นพื้นเรียบ ไม่เป็นหลุมเป็นบ่อ และไม่มีรถจอดอยู่ ก็เหมาะที่จะเล่นเทนนิสถนน ซึ่งตามวิธีการดั้งเดิมแล้ว ผู้เล่นจะใช้ชอล์กเขียนคอร์ทให้มีพื้นที่ 3x6.4 เมตร ส่วน “เน็ต” ทำเลียนแบบของจริงโดยใช้ไม้อัดตัดให้ได้ความสูง 20.32 ซม. และมีความกว้างมากกว่า 2.74 เมตร แต่ในปัจจุบันมีคอร์ทที่ลงสีแบบถาวรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในพื้นที่ที่แบ่งไว้ซึ่งอยู่ติดกับสนามฟุตบอลและคอร์ทบาสเก็ตบอล โดยสีที่ใช้มักจะเป็นสีเหลืองและน้ำเงิน ตามสีของธงชาติบาร์เบโดส
เป้าหมายในการเล่น
- ทำสกอร์ให้ได้ 21 แต้ม (โดยจะต้องได้แต้มนำอย่างน้อย 2 แต้มจึงจะชนะ)
- ตีลูกเทนนิสให้อยู่ภายในเส้นสนาม
- ระวังไม่ให้ลูกโดนเน็ต
- ทรงตัวให้มั่นคง อย่าล้มหัวทิ่ม
กติกา
- ใน 1 เซ็ตมี 3 เกม เกมละ 21 แต้ม
- ผู้เล่นที่ชนะมากที่สุดจากทั้งหมด 3 เกมจะเป็นผู้ชนะในแมทช์นั้น
- กติกาการเสิร์ฟและวิธีนับสกอร์เหมือนกันกับปิงปอง
- ลูกเทนนิสจะต้องกระดอนขึ้นมาก่อนจึงจะตีลูกได้
- ผู้เล่นจะได้แต้มเมื่อฝ่ายตรงข้ามตีลูกติดเน็ต ตีลูกออกนอกสนาม หรือปล่อยให้ลูกเด้งกับพื้นมากกว่า 1 ครั้งในฝั่งตัวเอง
แฟนคลับผู้มีชื่อเสียงในละแวกเดียวกัน
Terry “Mexican” Arthur (อายุ 52 ปี)
Mexican เป็นคนที่เรียกได้ว่าไม่เคยพลาดทัวร์นาเมนต์การแข่งขันเทนนิสกลางถนนทั่วทั้งเกาะนี้เลย ตั้งแต่ยังเด็ก นักดนตรีแนว Soca ที่ใครๆ ก็รู้จักคนนี้ทำแร็คเก็ตขึ้นมาเองจากไม้เนื้อแข็ง ซึ่งเขาและเพื่อนๆ ก็นำไปใช้เล่นกันเอง
“เราต้องขัดตรงขอบให้เรียบแบบนี้” Mexican บอกพลางถูนิ้วโป้งลงกับไม้ตีที่เขาทำ โดยเฉือนไม้ออกทีละน้อยให้เป็นรูปเป็นร่าง เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เทนนิสถนนได้รับความนิยมในเกาะนี้เป็นเพราะความเล่นง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์หรูหราราคาแพง แร็คเก็ตสไตล์พื้นๆ แบบนี้ก็ยังคงใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ส่วนลูกเทนนิสนั้น เขาบอกว่า “เราต้องปอกเอาผ้าสักหลาดที่ผิวออกเพื่อให้มันเรียบ” เหล่าแฟนตัวยงของเทนนิสถนนต่างก็ยืนยันว่าวิธีนี้จะทำให้ลูกเทนนิสพุ่งออกไปได้เร็วขึ้น
เริ่มต้นและพุ่งไปอย่างรวดเร็ว
เทนนิสถนนถือกำเนิดขึ้นในช่วงปี 1930 เนื่องจากปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ทำให้ผู้คนในท้องถิ่นไม่สามารถเล่นเทนนิสบนพื้นสนามหญ้าได้ เมื่อเกาะนี้ได้รับอิสรภาพจากอังกฤษในปี 1966 วัฒนธรรมและประเพณีแบบอังกฤษ เช่น เทนนิสในสนามหญ้าและคริกเก็ตก็ยังคงอยู่
ลักษณะทางสังคมหลังยุคล่าอาณานิคมถูกแบ่งออกทั้งตามชาติพันธุ์และชนชั้นในสังคม “เทนนิสถนนถูกมองว่าเป็นกีฬาของคนจน” Dale Clarke ผู้ดูแลสมาคมเทนนิสถนนมืออาชีพ (Professional Road Tennis Association) กล่าว “แต่ก็ถือว่าเป็นเกมกีฬาประจำท้องถิ่นของบาร์เบโดส ชาวบาร์เบโดสทุกคนจึงมีกีฬานี้อยู่ในดีเอ็นเอของตัวเอง”
เป็นเวลาหลายปีที่เทนนิสถนนเคยนิยมเล่นกันในละแวกของคนจนเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบันกลับนิยมเล่นกันทั่วทั้งเกาะแล้ว “น่าดีใจมากเลยนะที่ทุกวันนี้ เราจะพบเห็นคนเล่นเทนนิสถนนในชุมชนเกือบทุกที่ที่ไป” Dale กล่าว “ความนิยมของกีฬาชนิดนี้เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งเลย หลายคนใช้สีทำคอร์ทขึ้นมา ดีจริงๆ ที่ได้เห็นคนเยอะแยะมากมายเล่นกีฬานี้เพื่อออกกำลังกาย”
บุคคลสำคัญของวงการ
Dale Clarke (อายุ 44 ปี)
ตำแหน่ง: ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารสมาคมเทนนิสถนนมืออาชีพ (Professional Road Tennis Association)
Dale คือผู้นำของการปฏิบัติงานเพื่อจัดตั้งและผลักดันกีฬานี้ให้คงอยู่ในทั้งสองภาคส่วน ส่วนแรกคือโรงเรียนในพื้นที่และศูนย์ฝึกสอนประจำชุมชนสำหรับเด็ก และอีกส่วนคือในฐานะกีฬาอาชีพในบาร์เบโดสและในประเทศอื่นๆ
เขามุ่งมั่นและทุ่มเทเพื่อให้ได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ในการจัดทัวร์นาเมนต์แข่งขันที่มีไฟส่องสว่าง และมีผู้คนมาเชียร์รอบสนามอย่างเนืองแน่น ในปัจจุบันมีการริเริ่มจัดการแข่งขันระดับโปรเซอร์กิตอยู่บนเกาะ และ Clarke เองก็ได้คัดเลือกผู้เล่นบางส่วนให้เป็นผู้เล่นทีมชาติบาร์เบโดส เพื่อลงแข่งในทัวร์นาเมนต์แสดงฝีมือระดับโลกที่จัดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและฟิลิปปินส์
ผู้เล่นมือโปร
ผู้เล่นระดับแนวหน้าของบาร์เบโดสส่วนใหญ่คือตำนานที่ยังมีลมหายใจ พวกเขาคือผู้กำหนดทิศทางและหล่อหลอมเจเนอเรชันใหม่แห่งวงการกีฬาขึ้นมาเพื่อประเทศของตน รวมถึงเพื่อโลกใบนี้ และแม้ว่าเหล่าผู้เล่นทีมชาติกลุ่มนี้จะยังไม่ได้มีชื่อเสียงเลื่องลือระดับโลกอย่างผู้เล่นมืออาชีพในกีฬาสากลซึ่งเป็นที่รู้จักมากกว่า แต่พวกเขาก็เป็นนักกีฬาอาชีพที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ ผู้ที่ทักษะ ความมุ่งมั่น และความปรารถนาในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศเกาะของตนเองนั้นกำลังผลิดอกออกผล
Mark Griffith (อายุ 36 ปี)
ฉายา: Venom
อาชีพ: นักเทนนิสถนนอาชีพแบบเต็มเวลา
อันดับในประเภทชายเดี่ยว: อันดับ 1
ฉายา “Venom” ของเขาไม่ได้มาเล่นๆ Mark คือนักกีฬาเทนนิสถนนฝีมือโหดที่สุดในเกาะ เขามีบ้านอยู่ริมทะเลที่ชายหาด Brandons Beach ในเขต St. Michael ภายในบ้านประดับประดาไปด้วยถ้วยรางวัล เขาคือเซเลบริตี้ของเกาะแห่งนี้ และตอนนี้เป็นนักกีฬาอาชีพเต็มเวลาเพียงคนเดียวที่มีสปอนเซอร์สนับสนุน แต่การจะรักษาตำแหน่งสูงสุดเอาไว้ก็ต้องอาศัยความทุ่มเทเมื่อมีนักกีฬาดาวรุ่งอายุน้อยหลายต่อหลายคนที่ต้องการช่วงชิงตำแหน่งไป ซึ่งวิธีที่ทำให้เขารักษาตำแหน่งไว้ได้ก็คือการฝึกฝีมือให้เหนือคู่แข่งขณะที่ทุกคนยังไม่ตื่น Mark จะตื่นตี 4 ทุกวันเพื่อมาฝึกซ้อมอย่างหนักตามตารางซ้อมของตน
Dario Hinds (อายุ 25 ปี)
ฉายา: CR7
อาชีพ: ตัวแทนฝ่ายขายเต็มเวลา โปรเทนนิสถนนแบบพาร์ทไทม์
อันดับในประเภทชายเดี่ยว: อันดับ 4
เมื่อ Dario อายุ 14 ปี เขาใช้เวลาช่วงหัวค่ำไปกับการดูแมทช์แข่งขันเทนนิสถนนประเภทฮาร์ดคอร์ทที่จัดขึ้นแถวบ้าน อยู่มาวันหนึ่งมีเพื่อนชวนเขาไปเล่นกีฬานี้ และในเวลาต่อมา เส้นทางการเล่นของเขาก็กลายมาเป็นหน้าประวัติศาสตร์ของบาร์เบโดส ในปัจจุบัน Dario เป็นมือวางอันดับ 4 ในเกาะแห่งนี้ “พวกที่เดินผ่านไปมาบนเกาะนี้มีน้อยคนที่ชนะผมได้ ถ้าจะนับคนที่เคยชนะผม นับด้วยมือข้างเดียวก็พอแล้ว” เขากล่าว
Sheldene Walrond (อายุ 44 ปี)
ฉายา: Smiling Assassin
อาชีพ: เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของหน่วยพิทักษ์ชายฝั่งบาร์เบโดส
อันดับในประเภทหญิงเดี่ยว: อันดับ 1
Sheldene ใช้เวลาส่วนใหญ่ฝึกซ้อมร่วมกับผู้เล่นชายในอันดับสูงๆ “ผู้เล่นระดับแนวหน้ามักจะเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันค่ะ” เธอพูดพลางหัวเราะ ปัจจุบันเธอเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงที่ช่วยผลักดันการแข่งขันประเภทหญิงเดี่ยว แถมเธอยังมีทักษะการสร้างความบันเทิงอยู่ในสายเลือด “คนดูชอบค่ะ เวลาได้เห็นช็อตเด็ดๆ”
Sheldene อยากให้ผลงานของเธอช่วยดึงดูดให้ผู้หญิงหันมาแข่งขันในกีฬานี้กันมากขึ้น “ทุกวันนี้มีนักกีฬาหญิงประมาณ 20 คนเป็นเอ-คลาส [ผู้เล่นอันดับสูงๆ ของเกาะ] แต่ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน อาจมีนักกีฬาชายที่ขึ้นมาอยู่ระดับเอ-คลาสได้ถึง 80 คนเลย” เธอกล่าว
สนามร้อนอบอ้าว ที่เป็นทั้งสนามฝึกซ้อมและศูนย์กลางของชุมชน
บรรยากาศรอบๆ คอร์ทในร่มที่นักกีฬาอันดับสูงๆ กำลังโชว์ฝีมือฟาดฟันกันอยู่นั้น คงไม่ใช่ภาพบรรยากาศที่เหมาะกับการฝึกซ้อมแบบที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึง ที่ขอบสนามมีคนนั่งเล่นไพ่ และมีนักกีฬาเทนนิสถนนดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดคนหนึ่งอย่าง Shakeem Nurse กำลังตัดผมอยู่ การแข่งขันเทนนิสถนนที่ดำเนินไปขณะที่ผู้คนกำลังทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันรอบสนามอยู่นั้น คือสิ่งที่แสดงถึงวัฒนธรรมการรวมตัวของชุมชนที่เกิดขึ้นพร้อมกับการแข่งขันกีฬา ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทุกที่บนเกาะ
“กีฬานี้เหมือนอยู่ตรงกลางระหว่างเทนนิสสนามหญ้ากับปิงปอง แต่ว่าสีสันจะจัดจ้านกว่า เสียงรอบข้างจะดังลั่นกว่า และบรรยากาศในสนามก็จะตื่นเต้นเร้าใจมากครับ”
Dario Hinds
เล่นบนถนน
ขณะที่การแข่งขันโปรเซอร์กิตนั้นมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่การแข่งขันที่ยังคงความเป็นกีฬานี้ไว้อย่างแท้จริงก็ยังคงเป็นการเล่นกันบนถนน ที่ซึ่งถนนในสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อและคนที่เดินผ่านไปมานั้นยังเป็นส่วนสำคัญในกติกาการเล่น และคอร์ทบนถนนก็เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของวิถีชีวิตในชุมชนมาอย่างยาวนาน
ย้อนกลับไปในละแวก Pine กลิ่นที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีของพุดดิ้งและ Souse (อาหารท้องถิ่น ทำจากเนื้อหมูสุกดองกับผัก) มักลอยอบอวลเตะจมูก ผู้คนจะเดินผ่านไปมา บ้างก็แวะดูการแข่งขันสักสองสามแต้ม และช่วยแนะนำการเล่นให้นิดๆ หน่อยๆ ระหว่างทางที่กำลังจะไปทำธุระหรือไปหาเพื่อน ในขณะเดียวกันนั้น เกมการแข่งขันก็ดำเนินไปด้วย
นี่คือเทนนิสกลางถนน
และนี่คือความเป็นบาร์เบโดส
นี่คือเทนนิสกลางถนน
และนี่คือความเป็นบาร์เบโดส
เรียบเรียงโดย Daphne Ewing-Chow
ภาพถ่ายโดย Aniya Legnaro
ภาพประกอบโดย David Linchen
รายงานเมื่อ กันยายน 2020