ถามโค้ช: “จะสงบจิตใจยามแพนิคก่อนออกจากเส้นสตาร์ทได้อย่างไร”

การโค้ช

นักกีฬามหาวิทยาลัยคนนี้อดใจไม่ไหวที่จะวิ่ง... หนีไปจากสนามแข่ง Patrick Sang แต่โค้ชของ Eliud Kipchoge มีคำแนะนำที่ใช้ได้จริงเตรียมไว้ให้แล้ว

อัพเดทล่าสุด: 10 สิงหาคม 2564
ใช้เวลาอ่าน 5 นาที
วิธีเอาชนะความกังวลเรื่องประสิทธิภาพ โดยโค้ช Patrick Sang

ถามโค้ช คือคอลัมน์ให้คำแนะนำสำหรับการรักษาความมุ่งมั่นในกีฬาของคุณ

ถาม:

สวัสดีค่ะโค้ช

ผมวิ่งมานานมาก น่าจะตั้งแต่เริ่มเดินเป็นเลย การวิ่งเป็นกีฬาโปรดของผมมาตลอด ตอนนี้ผมเรียนอยู่ม.ปลายปีเกือบสุดท้าย เป็นนักวิ่งที่เร็วที่สุดในทีม และเป็นหนึ่งในนักวิ่งที่เก่งที่สุดในรัฐ ทุกคนจับตามองผม ตั้งแต่ครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมทีม เหล่าโค้ช ไปจนถึงแมวมองจากมหาวิทยาลัย ตัวผมเองก็เริ่มจะแย่เพราะแรงกดดันพวกนี้เหมือนกัน ทุกคนดูอยากชวนคุยเรื่องการแข่งครั้งถัดไปอยู่ลูกเดียว ขนาดเวลาผมซ้อม เพื่อนร่วมทีมผมยังเอาแต่พูดถึงคู่แข่งที่ผมน่าจะเอาชนะได้ พอต้องแข่งด้วยเดิมพันสูงลิ่วแบบนี้ ผมจะรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกทุกครั้งที่เดินไปยังเส้นสตาร์ท ยิ่งพยายามผ่อนคลาย ก็ยิ่งแพนิคมากกว่าเดิม จะเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้ยังไง แล้วทำยังไงถึงจะรู้สึกกลับมาอยากวิ่งอีกครั้งได้ครับ

Fretting Every Anxious Race (กลุ้มกับทุกงานวิ่งที่น่าหวั่น)
นักวิ่งอายุ 17 ปี

ตอบ:

ไม่ได้มีแค่คุณหรอกครับ FEAR นักวิ่งหลายๆ คนก็เจอความกังวลนี้เหมือนกัน โดยเฉพาะก่อนแข่ง

โชคร้ายที่สำหรับกลุ่มนักกีฬาในระดับแข่งขัน ความกังวลนี้อาจรู้สึกเหมือนเป็นอากาศรอบตัว ที่ลอยฟุ้งและต้องสูดเข้าไปตลอดเวลา ซึ่งก็อาจจะจริงในบางแง่ เพราะผู้ลงแข่งชอบคุยเรื่องการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการคุยเรื่องคู่แข่ง สถิติที่เคยทำไว้ และมีอะไรเป็นเดิมพัน แล้วพอมีนักกีฬาหลายๆ คนตั้งวงคุยกัน ก็อาจทำให้ความกังวลนั้นคลุ้งอยู่รอบๆ ตัวคุณได้

บางครั้งนักกีฬาก็ไม่ได้ตั้งใจสร้างบรรยากาศแบบนี้ขึ้นมานะครับ แต่ก็มีบ้างที่ตั้งใจ นักวิ่งบางคนอาจจะใช้ความกังวลในการก่อกวนสมาธิหรือทำให้คู่แข่งคนอื่นๆ รู้สึกท้อ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงและคุณต้องระวังตรงนี้ไว้ด้วย

ตอนที่ผมแข่ง World Championship เมื่อปี 1987 ผมได้รับเกียรติให้เข้าร่วมแข่งขันกับนักกีฬาเก่งๆ หลายคน หนึ่งในนั้นเป็นพวกที่มีเทคนิคในการกวนสมาธิคู่แข่งก่อนลงสนาม เขาจะไปอยู่เส้นสตาร์ทและเตะบล็อกสตาร์ทดังๆ จนคนอีกฝั่งสนามได้ยิน ผมว่าเขาจงใจนะ เป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่ง แล้วมันก็ได้ผลมากๆ ด้วย

ที่จะบอกก็คือ ความกังวลที่คุณรู้สึกก่อนแข่งนั้นอาจมีส่วนหนึ่งมาจากสภาพแวดล้อม ขั้นแรกที่ควรทำจึงเป็นการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่ว่านั่น สังเกตว่าใครที่พูดเรื่องการแข่งไม่หยุด แล้วลองถอยห่างออกมา หาเพลงฟังบ้างเพราะสำหรับผมเพลงช่วยให้สงบใจก่อนแข่งได้ การอ่านหนังสือช่วงเย็นๆ ก่อนวันแข่งก็ช่วยให้เลิกฟุ้งซ่านได้เหมือนกัน ถือเป็นการฝึกควบคุมสมาธิตัวเองตอนไปอยู่ที่เส้นสตาร์ทก็ได้ครับ

วิธีเอาชนะความกังวลเรื่องประสิทธิภาพ โดยโค้ช Patrick Sang

มีอีกวิธีที่อาจช่วยให้คุณคลายความวิตกกังวลก่อนแข่งได้ นั่นคือ การไปของานเพิ่มกับโค้ช

ทุกครั้งที่ผมเห็นนักวิ่งคนไหนคิดเรื่องการแข่งมากเกินไป ก็จะมอบหมายงานผู้นำให้นักวิ่งคนนั้นมากขึ้น ให้เป็นคนกำหนดแนวทางการซ้อมบ้าง ให้เป็นคนนำเซสชันการซ้อมบ้าง จิตใจของคุณอยากหาอะไรทำ และพอทำออกมาได้ดี ความเชื่อมั่นในตัวเองก็จะเริ่มเกิด ความกังวลก็จะเริ่มเบาบางลง วิธีนี้ยังทำให้ผมสั่งนักวิ่งทุกคนที่ผมโค้ชให้ทำงานจิปาถะต่างๆ ที่แคมป์วิ่งด้วย แม้แต่ Eliud Kipchoge ก็ไม่รอด

หลังจากพูดถึงวิธีผ่อนคลายจิตใจแล้ว มีเรื่องหนึ่งที่ผมจะบอกและอาจทำให้คุณตกใจ จริงๆ แล้วความกังวลไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป ผมก็มีความกังวลในระดับหนึ่งเวลาต้องเตรียมตัวแข่ง แต่ก็เรียนรู้ที่จะใช้ความกังวลนี้เป็นเครื่องขัดเกลาสมาธิ เพื่อเตือนใจว่าปัญหาของเราคืออะไร

ถ้าคุณฝึกรับรู้การเคลื่อนไหวของร่างกายเวลารู้สึกกังวลได้ ก็จะมีเครื่องมืออันทรงพลังที่จะช่วยให้แสดงความสามารถภายใต้แรงกดดันได้

ผมเริ่มจากการวิ่งวิบาก ซึ่งต้องวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางและลุยน้ำ ร่างกายและจิตใจจะต้องทำงานร่วมกันถ้าอยากผ่านพ้นอุปสรรคข้างหน้า นี่เป็นความเชื่อที่ผมยึดถือและเป็นแนวทางพัฒนาตัวเองในฐานะโค้ชนักวิ่ง ผมอยากให้นักวิ่งที่ผมโค้ชรู้สึกได้เวลาตัวเองแกว่งมือ เวลาขยับขา เวลาที่สายตาจดจ้องไปยังจุดใดจุดหนึ่ง แม้แต่ในการแข่งระยะไกล การมีสติและรับรู้การเคลื่อนไหวของตัวเองตลอดเวลาอาจจะทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายก็จริง แต่ยังไงร่างกายและจิตใจของนักวิ่งก็ควรทำงานประสานกันได้เสมอ และเมื่อร่างกายจิตใจทำงานประสานกันได้แล้ว นักวิ่งจะวิ่งได้ฉลาดขึ้น ไม่ใช่หนักขึ้น

ในบางแง่ ความกังวลคือสิ่งเตือนกระตุ้นให้เราตื่นตัวและใส่ใจสิ่งรอบตัว ถ้าคุณฝึกรับรู้การเคลื่อนไหวของร่างกายเวลารู้สึกกังวลได้ ก็จะมีเครื่องมืออันทรงพลังที่จะช่วยให้แสดงความสามารถภายใต้แรงกดดันได้ ตอนนี้อาจจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ เพราะความกังวลของคุณเป็นเหมือนเสียงคอยตะโกนกรอกหูให้รู้สึกแพนิคตลอดเวลา แต่ถ้าลองเอาเทคนิคพวกนี้ที่เราคุยกันมาไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นการถอยห่างจากบทสนทนาชวนเครียด การฟังเพลงหรืออ่านหนังสือกล่อมเกลาจิตใจ การรับบทบาทผู้นำในทีม เสียงความกังวลที่ว่าอาจจะเริ่มเบาลงจนกลายเป็นแค่เสียงกระซิบก็ได้ครับ

มองว่าเสียงกระซิบนี้เป็นเสียงเตือนใจที่คอยบอกว่า “มีสมาธิได้แล้ว สูดลมหายใจลึกๆ ตอนนี้คือเวลาที่สมาธิทั้งหมดต้องมาอยู่กับปัจจุบัน” ความกังวลของคุณอาจจะไม่ได้หายไปแบบหมดจด แต่ก็เปลี่ยนมันได้ และคุณอาจจะพบด้วยว่าความกังวลเวอร์ชันใหม่นี้ก็จำเป็นต้องมีเหมือนกัน

โค้ช Sang

Patrick Sang เป็นโค้ชนักวิ่งชาวเคนย่าและนักวิ่งเกษียณ ตั้งแต่ที่ได้เป็นโค้ชให้ Eliud Kipchoge เมื่อปี 2002 Sang ช่วยให้เขาคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ทำสถิติโลกในการวิ่งมาราธอน และเป็นชายคนแรกที่ทำเวลาวิ่งมาราธอนได้น้อยกว่า 2 ชั่วโมง Sang เป็นนักวิ่งประจำชาติเคนย่า คว้าเหรียญเงินจากงาน World Athletics Championships ปี 1991, Olympics ปี 1992 และ World Athletics Championships ปี 1992 ในการแข่งขันวิ่งวิบาก 3,000 เมตร ในด้านวิทยาลัย Sang จบจาก University of Texas ที่ออสติน และทำสถิติประจำมหาวิทยาลัยได้ในการแข่งขันวิ่งวิบาก 3,000 เมตร

ส่งอีเมลคำถามเกี่ยวกับวิธีปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อกีฬาและสุขภาพได้ที่ askthecoach@nike.com

ภาพประกอบโดย Kyle Weeks

วิธีเอาชนะความกังวลเรื่องประสิทธิภาพ โดยโค้ช Patrick Sang

รับประโยชน์ที่มากขึ้น

เข้าแอพ Nike Training Club แล้วดูคำแนะนำที่รับรองโดยผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมได้เลยทั้งในด้านการเคลื่อนไหว รวมถึงทัศนคติ โภชนาการ การฟื้นกำลัง และการนอนหลับ

รับประโยชน์ที่มากขึ้น

เข้าแอพ Nike Training Club แล้วดูคำแนะนำที่รับรองโดยผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมได้เลยทั้งในด้านการฟื้นกำลัง รวมถึงทัศนคติ การเคลื่อนไหว โภชนาการ และการนอนหลับ

เผยแพร่ครั้งแรก: 7 กรกฎาคม 2564