ยืดระยะทางให้ยาวที่สุด: 12 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยยืดอายุรองเท้าวิ่งของคุณ
นวัตกรรม
เหล่านักวิ่งจะมาแบ่งปันเคล็ดลับที่ทำได้ง่ายๆ ในการเริ่มต้นดูแลอุปกรณ์ประจำวัน และสิ่งที่เจ๋งที่สุดก็คือวิธีลัดเหล่านี้จะช่วยให้คุณลดจำนวนขยะลงได้และเป็นนักวิ่งที่รักษ์โลกยิ่งขึ้น
"เราทุกคนคือผู้สร้างนวัตกรรม" คือซีรีส์เกี่ยวกับความท้าทายที่เหล่านักกีฬาต้องเผชิญและเอาชนะด้วยแนวคิดนอกกรอบ
ในฤดูร้อนปี 2020 โค้ชวิ่ง Dora Atim จากลอนดอนได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตในแถบชนบทของอังกฤษ
"ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่ออยู่กลางป่าแห่งนี้" เธอเล่าย้อนให้ฟัง "แต่นั่นเป็นความรู้สึกโล่งอก เป็นความสุข เป็นอารมณ์แบบว่า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะเข้ามาสัมผัสสิ่งนี้ได้"
ความผูกพันในลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อเราวิ่งผ่านพื้นที่หนึ่ง ได้เห็นความงดงาม ได้สัมผัสพลังของสถานที่นั้น ก็ย่อมอยากรักษามันเอาไว้
ข่าวดีก็คือการดูแลโลกใบนี้ให้ดีขึ้นนั้นเรียกได้ว่าแทบไม่ต่างจากการเป็นนักวิ่งที่ดีขึ้นเลย พฤติกรรมประจำวันของเราก็มีส่วนด้วยเช่นกัน แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างการดูแลรองเท้าวิ่งของตัวเองเพื่อให้ใส่ได้ยาวนานขึ้นนั้นก็สร้างความแตกต่างในระยะยาวได้เป็นอย่างมาก ถ้ามันทำให้คุณหันมาเลือกซื้อรองเท้าคู่ใหม่เฉพาะเมื่อจำเป็นต้องซื้อใหม่จริงๆ
เราจึงถามชุมชนนักวิ่งระดับโลกของเรา ตั้งแต่นักกีฬาอาชีพไปจนถึงดีไซเนอร์ Nike ไฟแรง ว่ามีวิธีการใช้อุปกรณ์กีฬาให้ได้คุ้มค่าที่สุดกันอย่างไรบ้าง แม้ว่าเรายังไม่ได้คำตอบครบทั้งหมด แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เรียนรู้จากกันและกันได้ ว่าแล้วก็เลื่อนลงไปดูเกร็ดความรู้ล้ำค่าที่เราชอบด้านล่างต่อได้เลย ค้นหาวิธีที่ใช่สำหรับคุณแล้วลงมือทำด้วยกันเถอะ
รองเท้าเป็นเพื่อนของคุณ Rikke Bonde (ซ้าย) และ Shelby Wauligman (ขวา) ดีไซเนอร์ Nike แสดงวิธีที่พวกเขาสร้างสายสัมพันธ์ส่วนตัวกับอุปกรณ์กีฬาของตน อย่างการเขียนข้อความสร้างแรงบันดาลใจและเปลี่ยนเชือกรองเท้า
1. สร้างความผูกพันกับอุปกรณ์กีฬา
"การสร้างความรู้สึกร่วมกับสิ่งของที่มีนั้นจะทำให้เรามีโอกาสครั้งใหญ่ที่จะได้ลงมือปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนมากขึ้นค่ะ" Shelby Wauligman กล่าว เธอเป็นดีไซเนอร์เครื่องแต่งกายวิ่งที่ Nike "เมื่อมีความเคารพต่อสิ่งของ เราก็มีแนวโน้มที่จะรักษาสิ่งของนั้นให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นค่ะ"
การสร้างความผูกพันกับรองเท้าวิ่งนั้นทำได้ง่ายๆ อย่างการเปลี่ยนเชือกรองเท้าที่เลือกเอง เขียนคำคมสร้างแรงบันดาลใจส่วนตัวบนรองเท้า หรือใส่ลงกระเป๋าไปด้วยเมื่อออกเดินทาง อย่างที่ Raj Mistry ทำ เขาคือดีไซเนอร์เครื่องแต่งกายอาวุโสที่ Nike ผู้ท่องเที่ยวไปทั่วทุกสารทิศกับรองเท้าผ้าใบของเขา ตั้งแต่เมืองแห่งปราสาทอย่างเอดินบะระ ไปจนถึงท้องถนนของฮานอย
เตรียมตัวคุณเองและรองเท้าให้พร้อมมุ่งสู่ความสำเร็จระยะยาว เช่นเดียวกับเหล่านักวิ่ง Chantal Gonzalez, Amritpal Ghatora และ Kelechi Okorie (จากซ้ายไปขวา) เลือกรองเท้าที่จะมีประสิทธิภาพเหมาะสำหรับระยะทาง พื้นผิว และประเภทของการวิ่งที่คุณจะวิ่ง
2. วิ่งกับรองเท้าที่เหมาะสม
คำแนะนำเล็กน้อยสำหรับการช้อปปิ้งครั้งถัดไปคือ "ให้ถามตัวเองว่าต้องการอะไรจากการวิ่ง ไม่ใช่ถามว่าต้องการอะไรจากรองเท้า" Jo Micheli ผู้เป็น EKIN จากลอสแอนเจลิสกล่าว (ชื่อที่เราใช้เรียกผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าของ Nike โดยเป็นชื่อ Nike สะกดกลับหลัง)
เพื่อให้ใช้รองเท้าได้อย่างคุ้มค่าที่สุดและวิ่งได้ดีที่สุด จึงต้องตั้งคำถามว่าซื้อไป "เพื่ออะไร" ก่อนที่จะซื้อ ถ้ามีแผนจะออกไปดื่มด่ำกับธรรมชาติ รองเท้าวิ่งเทรลก็จะทนต่อภูมิประเทศที่เป็นหินขรุขระและหลากหลายได้มากกว่า แต่ถ้าจะไปวิ่งเก็บระยะทางบนถนนหรือลู่วิ่งไฟฟ้า รองเท้าวิ่งพื้นถนนที่ลดแรงกระแทกได้ดีก็จะดีดตัวกลับได้ดีที่สุด
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรกฎาคม 2021 สำหรับ Dora Atim ผู้ที่ริเริ่ม Ultra Black Running เมื่อปีที่แล้วเพื่อให้ผู้หญิงผิวดำและนอนไบนารีมาร่วมวิ่งไปกับเธอทั้งในกลางแจ้งและในเส้นทางเทรล การดูแลตัวเองและการสร้างพลังใจเกิดขึ้นได้จากการวิ่ง แน่นอนว่าเธอทุ่มสุดตัวเมื่อเตรียมพร้อมออกไปวิ่งเก็บระยะทาง "ฉันเป็นคนที่เชื่ออย่างมากว่าเราต้องดูดีเมื่อออกไปวิ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่ดีกับตัวเองแน่" เธอบอก "เราต้องรู้สึกว่าใส่ชุดนี้แล้วองค์ลงแน่ๆ"
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรกฎาคม 2021 สำหรับ Dora Atim ผู้ที่ริเริ่ม Ultra Black Running เมื่อปีที่แล้วเพื่อให้ผู้หญิงผิวดำ ทรานส์ และนอนไบนารีมาร่วมวิ่งไปกับเธอทั้งในกลางแจ้งและในเส้นทางเทรล การดูแลตัวเองและการสร้างพลังใจเกิดขึ้นได้จากการวิ่ง จึงเป็นเหตุผลที่เธอทำให้ทุกส่วนในกระบวนการนี้เป็นจังหวะสำคัญ ตั้งแต่การดื่มน้ำไปจนถึงการแต่งตัว "ฉันเป็นคนที่เชื่ออย่างมากว่าเราต้องดูดีเมื่อออกไปวิ่ง" เธอบอก "เราต้องรู้สึกว่าใส่ชุดนี้แล้วองค์ลงแน่ๆ"
3. ถนอมรองเท้าไว้สำหรับใส่วิ่ง
"โค้ช" Chris Bennett ซึ่งเป็น Head Coach ของ Nike Running Global บอกว่า "รองเท้าทุกคู่มีอายุการใช้งานของมันครับ ซึ่งจะลดลงทุกครั้งที่สวมใส่" พร้อมเสริมว่า "ถ้าเพิ่งวิ่งไปแค่ 320 กม. แต่รองเท้าตอบสนองได้ไม่ดีเท่าไหร่เลย นั่นก็อาจเป็นเพราะคุณใส่ไป 800 กม. แล้ว" ดังนั้นครั้งต่อไปที่จะออกไปทำธุระ ก็ต้องไม่ลืมว่าการใส่รองเท้าวิ่งอาจทำให้ในอนาคตคุณจะใส่ออกวิ่งจริงได้น้อยครั้งลง
เช่นเดียวกัน หากคุณเคยชินกับการแลกระยะทางวิ่งอันมีค่ามาเป็นการใส่รองเท้าวิ่งคู่ใหม่เดินเล่นเพื่อให้ชินเท้า Craig Engels นักวิ่งระยะกลางระดับอาชีพก็มีวิธีพลิกแพลงมาฝาก "ที่จริงแล้วผมเอาแผ่นรองจากคู่เก่ามาใส่ในคู่ใหม่ครับ" เขาบอก โดยชี้ให้เห็นว่าพื้นรองเท้าชั้นในที่ใส่จนชินเท้าแล้วจะช่วยให้เท้าไม่เป็นตะคริว เขาจึงใส่รองเท้าคู่ใหม่เอี่ยมออกวิ่งได้เลย
Jo Micheli ผู้เป็น EKIN แสดงวิธีที่ถูกและผิดในการถอดรองเท้าวิ่ง ทุกเรื่องเล็กน้อยสร้างความแตกต่างได้
4. คลายเชือกรองเท้าออกเสีย
เมื่อบอกว่าเคล็ดลับเหล่านี้ทำได้ไม่ยาก เราก็หมายความตามนั้นจริงๆ แม้แต่การใช้เวลาเล็กน้อยหลังการวิ่งแต่ละครั้งเพื่อคลายเชือกรองเท้าก็สร้างความแตกต่างได้มากในระยะยาวต่ออายุการใช้งานของรองเท้าวิ่ง
เราต้องขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า การถอดรองเท้าออกโดยที่ยังไม่ได้คลายเชือกเสียก่อนอาจทำให้โครงสร้างของส่วนส้นเสียหายได้ "เมื่อส่วนส้นเริ่มเสียหาย คุณจะวิ่งได้แย่ลง" Jo เตือน พฤติกรรมทั่วไปที่ไม่ดีนี้ยังจะนำไปสู่การใส่รองเท้าทั้งที่เชือกยังผูกอยู่ก่อนการวิ่งครั้งต่อไปได้อีกด้วย ซึ่งจะยิ่งทวีคูณความเสียหายให้กับรองเท้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะทำให้รองเท้ารองรับได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นให้ใช้เวลากับการผูกเชือกรองเท้าให้ดี เพื่อประโยชน์ของทั้งรองเท้าและเท้าของคุณ
ถ้าไม่อยากจะมาคอยผูกเชือกคลายเชือก เราก็ขอแนะนำให้ลองรองเท้าแบบสวม/ถอดได้ง่ายจากตระกูล Nike FlyEase หรือลองออกแบบเองสักคู่กับ Nike By You ที่มีตัวเลือกเชือกพร้อมตัวล็อคในบางรุ่น รูดแล้วล็อคกระชับเลย
รองเท้าที่แห้งคือรองเท้าที่ใส่แล้วมีความสุข Amritpal Ghatora โค้ชวิ่งจากลอนดอนแสดงวิธีง่ายๆ ให้ดูในการดูดความชื้นและป้องกันแบคทีเรียในรองเท้า โดยยัดก้อนหนังสือพิมพ์หลังวิ่งเสร็จ
5. อย่าลืมเอาไปผึ่งให้แห้ง
การไม่ตรวจดูความชื้นจะทำให้อายุการใช้งานของรองเท้าสั้นลงได้อย่างรวดเร็ว "แบคทีเรียจะสะสมอยู่ในนั้น ต้องไม่ลืมว่าเท้าเรามีเหงื่อออกกันเวลาใส่รองเท้า ไหนจะวิ่งฝ่าพื้นที่ชื้นแฉะอีกด้วยครับ" โค้ช Bennett อธิบาย "เหตุผลหนึ่งที่รองเท้าไม่รอดไปถึงกิโลเมตรที่ 480 หรือ 640 ไม่ใช่เพราะเสียคุณสมบัติอย่างระบบลดแรงกระแทกหรือการตอบสนอง แต่รองเท้าแค่เหม็น"
การนำรองเท้าไปผึ่งให้แห้งหลังจบการวิ่งทุกครั้งจะช่วยระงับกลิ่นได้ โดยเริ่มทำได้ง่ายๆ ด้วยการเก็บรองเท้าไว้ในจุดที่อากาศถ่ายเทได้ดี
แต่ถ้ารองเท้าชุ่มไป ก็ให้ใช้วิธีขยำหนังสือพิมพ์แล้วยัดเข้าไปในรองเท้าเพื่อช่วยซับน้ำและทำให้แห้งเร็วยิ่งขึ้น Raj ดีไซเนอร์เครื่องแต่งกายถึงขนาดตั้งถังข้าวสารเอาไว้ในโรงรถเลยเพื่อจะได้ช่วยให้รองเท้าแห้ง วิธีนี้คล้ายกับวิธีที่คุณอาจเคยใช้ในการดูดความชื้นออกจากโทรศัพท์มือถือที่เปียกเลย
สิ่งหนึ่งที่นักวิ่งส่วนใหญ่ที่เราคุยด้วยเห็นเหมือนๆ กันก็คือลืมเครื่องอบผ้าไปได้เลย ทีมวิศวกรควบคุมคุณภาพของเรา (ทีมที่ทดสอบสินค้า Nike และนำสินค้าไปทดลองกับสภาพแวดล้อมต่างๆ ในห้องวิจัยพิเศษ) ให้ข้อมูลว่าความร้อนสูงนั้นไม่ดีต่อกาวและสารเชื่อมผิวต่างๆ ที่ใช้ยึดส่วนประกอบของรองเท้าเข้าไว้ด้วยกัน
6. ให้รองเท้าได้พักบ้าง และลองสลับรองเท้าดู
รองเท้าวิ่งก็ต้องการวันพักเหมือนกัน "[เหมือนกับ] ให้ฟื้นตัวเพื่อเพิ่มพลัง" นักวิ่งมาราธอนและโค้ช Amritpal กล่าว "ให้รองเท้าได้คูลดาวน์หลังวิ่งเพื่อให้พร้อมสำหรับครั้งต่อไป"
แล้วจะคูลดาวน์นานเท่าไหร่ดี ทีมวิศวกรของเราแนะนำว่าไม่น้อยกว่า 24-48 ชั่วโมง โดยบอกว่าแม้ระยะเวลาเป๊ะๆ ในการฟื้นกำลังของรองเท้านั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง (วัสดุ น้ำหนัก ภูมิประเทศ ระยะทาง) แต่ถ้าเราให้เวลาพื้นรองเท้าโฟมชั้นกลางอย่างเพียงพอในการคลายตัวหลังจากวิ่ง ก็จะช่วยให้มันพร้อมรองรับคุณได้อย่างเต็มที่ในการออกไปวิ่งครั้งต่อไป อีกทั้งยังช่วยคงการตอบสนองเอาไว้ได้มากกว่าด้วยในระยะยาว
หากคุณวิ่งบ่อยกว่านั้น นี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะได้เริ่มเวียนรองเท้าใส่ แม้ว่าการจ่ายเงินซื้อรองเท้าอีกคู่อาจเป็นการลงทุนจ่ายไปก่อนล่วงหน้า แต่นั่นเป็นเรื่องที่จะช่วยให้แน่ใจได้ว่ารองเท้าที่คุณมีจะอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดได้อย่างยาวนานเท่าที่จะทำได้ เป็นการหลีกเลี่ยงรองเท้าเสื่อมสภาพไวเกินไปเพราะใช้งานมากเกินไป
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรกฎาคม 2021 หลังจากที่หยุดไปในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ Dora หวังว่าจะกลับมาวิ่งเทรลได้ทุกสัปดาห์กับกลุ่มที่มาวิ่งกันมากถึง 30-40 คนในช่วงก่อนล็อคดาวน์ "ผู้หญิงผิวดำต้องการพื้นที่เพื่อจะเป็นตัวเองเพราะเราต้องเปลี่ยนวิถีของตัวเองให้เข้ากับสภาพสังคมอยู่ตลอดเวลา หรือไม่ก็มักถูกกีดกันออกไปหรือไม่เป็นที่ยอมรับมาตลอด" เธอกล่าว "การวิ่งนี้ก็เพื่อพวกเขา แล้วก็เบ่งบานกลายเป็นสิ่งที่วิเศษสุด"
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรกฎาคม 2021 หลังจากที่หยุดไปในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ Dora หวังว่าจะกลับมาวิ่งเทรลได้ทุกสัปดาห์กับ Ultra Black Running ซึ่งมาวิ่งกันมากถึง 30-40 คนในช่วงก่อนล็อคดาวน์ "ผู้หญิงผิวดำต้องการพื้นที่เพื่อจะเป็นตัวเองเพราะเราต้องเปลี่ยนวิถีของตัวเองให้เข้ากับสภาพสังคมอยู่ตลอดเวลา หรือไม่ก็มักถูกกีดกันออกไปหรือไม่เป็นที่ยอมรับมาตลอด" เธอกล่าว "การวิ่งนี้ก็เพื่อพวกเขา แล้วก็เบ่งบานกลายเป็นสิ่งที่วิเศษสุด"
7. เปลี่ยนภูมิประเทศที่วิ่ง
"พื้นผิวไม่ได้เกิดมาเท่าเทียมกันครับ" โค้ช Bennett ชี้แจง "เราไม่ต้องการระบบลดแรงกระแทกมากนักเมื่อวิ่งบนพื้นหญ้า เพราะพื้นหญ้าจะคอยช่วยอีกแรงอยู่แล้ว" เขาแนะนำว่าให้สลับไปวิ่งบนพื้นผิวที่นิ่มขึ้น (หญ้า เทรล ลู่ ชายหาด) ถ้าทำได้ เพื่อให้อุปกรณ์กีฬาและร่างกายได้พัก เขาใช้เคล็ดลับนี้กับนักวิ่งประเภทลู่และครอสคันทรีระดับมัธยมปลายที่เขาฝึกสอน ซึ่งมักจะซื้อรองเท้าวิ่งหลายคู่มาเวียนใส่ไม่ได้ และแม้แต่นักวิ่งชั้นนำอย่าง Craig ก็ใช้เคล็ดลับนี้เช่นกัน
"เราวิ่งกันอาทิตย์ละราวๆ 110-160 กม. ครับ และเป้าหมายคือการหาพื้นผิวที่นิ่ม" Craig กล่าวถึงกิจวัตรการเทรนในทีมของเขา พร้อมเสริมว่าพื้นผิวที่ชอบคือพื้นลู่ที่เป็นถ่านหินอัด "ถ้าวิ่งบนคอนกรีต มันจะเกิดการบีบอัด [รองเท้า] มากกว่าเยอะ"
รู้ตัวเลขของตัวเอง โดยเฉพาะระยะทางที่สะสมไว้ Jo Micheli ผู้เป็น EKIN แสดงให้เห็นว่าวิธีการติดตามบันทึกนั้นง่ายขนาดไหน (และอัตโนมัติด้วย) ด้วยแอพ Nike Run Club นอกจากนี้ Jo ยังใช้วิธีที่ไม่ต้องใช้แอพด้วย โดยเขียน "วันเกิด" ลงบนรองเท้าคู่ใหม่ แล้วกะระยะทางรายเดือนจากวันที่เขียนเอาไว้
8. ติดตามบันทึกระยะทาง
สำหรับรองเท้าวิ่ง อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข จะซื้อรองเท้ามานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่สำคัญเท่าระยะทางที่ใส่วิ่งจริง โค้ช Bennett เคยเปรียบเอาไว้ว่า "รองเท้าไม่ใช่นมกล่อง" จึงไม่มีวันหมดอายุ ฉะนั้นถ้ามีคู่ที่เก็บไว้นานไม่ค่อยได้ใส่ ก็เอาออกมาปัดฝุ่นใส่วิ่งดูบ้าง แต่พอเริ่มเอากลับมาใส่ใหม่แล้ว ก็อย่าลืมบันทึกระยะทางสะสมด้วย
หนึ่งในวิธีที่ง่ายสุดๆ ก็คือใช้แอพ Nike Run Club เพียงแค่แท็กรองเท้าของคุณ (คู่เดียวหรือหลายคู่ก็ได้) และเป้าหมายระยะทางสะสม แล้วแอพจะติดตามระยะทางให้โดยอัตโนมัติในแต่ละครั้งที่วิ่ง พร้อมแจ้งเตือนเมื่อไปถึงเป้าหมายแล้ว
แม้ระยะทางสะสมจะไม่ใช่เรื่องสำคัญเพียงเรื่องเดียวที่ส่งผลกับอายุการใช้งานของรองเท้า แต่ก็เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะเช็คดูสภาพโดยประมาณได้ วิศวกรควบคุมคุณภาพของ Nike ให้ข้อมูลว่า ดีไซน์รองเท้าของเราส่วนใหญ่ผ่านการทดสอบมาให้ใส่ใช้งานได้อย่างน้อย 320-480 กม. คำสำคัญตรงนี้คือ "อย่างน้อย" ถ้าหากใช้ถึงแล้ว แต่รองเท้ายังคงดูสวยและใส่สบายอยู่ ก็อย่าเพิ่งเก็บเข้ากรุ คู่นี้อาจจะยังมีไฟให้ใช้งานต่อได้อีก
รู้จักร่างกาย รู้จักอุปกรณ์กีฬา Danielle Girard อดีตนักวิ่งแข่งผู้เป็น Athlete ประจำ Nike Store ในปัจจุบันแสดงให้เห็นความสำคัญของการวอร์มอัพและคูลดาวน์เพื่อหาที่มาของความเจ็บปวดให้ตรงจุด
9. เข้าใจการดูแลรองเท้า เทียบกับการดูแลตัวเอง
ช่วงเวลาที่อาการเจ็บปวดเล็กๆ น้อยๆ ถามหา นักวิ่งบางคนอาจเริ่มมองหารองเท้าคู่ใหม่เลย แต่นักวิ่งอย่าง Danielle Girard แนะนำให้นักกีฬาที่เธอช่วยเหลือนั้นลองตรวจดูกิจวัตรก่อนและหลังวิ่งของตัวเองดูก่อนที่จะไปเลือกหารองเท้าคู่ใหม่
"รู้สึกปวดน่องมากๆ หลังการวิ่งทุกครั้งใช่ไหม" Danielle ถาม โดยทุกวันนี้เธอก็ยังคงเป็นนักวิ่งไฟแรงอยู่ "อาจเป็นไปได้ว่ารองเท้าเสื่อมสภาพแล้วและต้องใส่คู่ที่ช่วยลดแรงกระแทกได้มากขึ้น หรืออาจเป็นไปได้ว่าน่องคุณเกร็งและต้องยืดกล้ามเนื้อให้มากขึ้นอีกนิด" พูดอีกนัยก็คือปัญหาอาจเกิดจากคุณได้ด้วย ไม่ได้เกิดจากรองเท้าเพียงอย่างเดียว
ยิ่งวิ่งมากเท่าไหร่ คุณก็จะเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายและอุปกรณ์กีฬาได้มากขึ้น และจะแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้นกว่าเดิมเมื่อมีอะไรเกิดขึ้น ในระหว่างนี้ก็อย่าลืมดูให้ดีเวลาคุณวอร์มอัพและคูลดาวน์ก่อนจะด่วนสรุปว่าปัญหาเป็นที่รองเท้า และแน่นอนว่าให้จับตาดูอาการไม่สบายตัวที่เกิดขึ้นซ้ำหรือเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรกฎาคม 2021 "สำหรับฉัน ความยั่งยืนนั้นเป็นเรื่องของชุดอุปกรณ์ คุณส่งต่อให้ใครหรือเปล่า คุณซื้อใหม่บ่อยแค่ไหน" อีกวิธีสำคัญที่จะสร้างความแตกต่างได้ก็คือการใช้เวลาทำความสะอาดรองเท้าอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดทำความสะอาดง่ายๆ หลังวิ่งแต่ละครั้ง หรือซักให้สะอาดล้ำลึก "ฉันมีวันซักสำหรับรองเท้าเพื่อให้ใช้ได้คุ้มค่าที่สุด" Dora เล่า "ซักแล้วเหมือนใหม่แกะกล่อง ฉันเลยรู้สึกว่าใช่เลย ไม่ต้องไปซื้อคู่ใหม่แล้ว"
"สำหรับฉัน ความยั่งยืนนั้นเป็นเรื่องของชุดอุปกรณ์ คุณส่งต่อให้ใครหรือเปล่า คุณซื้อใหม่บ่อยแค่ไหน" Dora โค้ชวิ่งจากอังกฤษกล่าว อีกวิธีสำคัญที่จะสร้างความแตกต่างได้ก็คือการทำความสะอาดรองเท้าอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดทำความสะอาดง่ายๆ หลังวิ่งแต่ละครั้ง หรือซักให้สะอาดล้ำลึกตามความจำเป็น "ฉันมีวันซักสำหรับรองเท้าเพื่อให้ใช้ได้คุ้มค่าที่สุด" Dora เล่า "ซักแล้วเหมือนใหม่แกะกล่อง ฉันเลยรู้สึกว่าใช่เลย ไม่ต้องไปซื้อคู่ใหม่แล้ว"
10. รู้ว่าจะต้องซักเมื่อไหร่ (และอย่างไร)
"[การทำความสะอาดรองเท้า] คือการหลีกเลี่ยงไม่ให้ฝุ่นหรือเศษดินทั้งหมดมาติดอยู่ในตะเข็บหรือจุดที่คุณไม่ต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องของการยืดอายุการใช้งานของวัสดุ" Rikke Bonde กล่าว เธอเป็นดีไซเนอร์วัสดุที่ Nike และนักวิ่งอัลตร้าไฟแรง "ถ้าซักให้สะอาดก็จะใช้งานได้นานขึ้น"
นักวิ่งบางคนที่เราได้พูดคุยด้วยชอบซักรองเท้าให้สะอาดล้ำลึกด้วยสบู่อ่อนๆ และน้ำนานๆ ครั้ง อย่าง Kelechi Okorie ครีเอทีฟจากลอนดอนและสมาชิกคลับนักวิ่ง TrackMafia ผู้ตั้งเป้าว่าจะ "อาบน้ำให้รองเท้า" เดือนละครั้ง
ส่วนนักวิ่งบางคนก็ใช้เทคนิคที่เบามือกว่าเพื่อให้รองเท้าดูสะอาดเรียบร้อยเสมอ อย่าง Shelby ดีไซเนอร์ Nike ก็แนะนำว่าให้ถูรองเท้ากับพื้นหญ้าเพื่อกำจัดโคลนที่เปื้อนออก ใช้กิ่งไม้แคะดินที่ติดในร่องดอกยาง แล้วนำผ้าที่ใช้ใหม่ได้มาเช็ดเมื่อจำเป็น
หลายคนถามว่าควรจะโยนรองเท้าเข้าเครื่องซักผ้าหรือเปล่า แต่นักวิ่งที่เราคุยด้วยบอกว่าชอบใช้เวลาไปกับการซักมือมากกว่า ให้คิดซะว่าเป็นอีกโอกาสที่จะสร้างความผูกพันกับรองเท้าของคุณ (กลับไปอ่านเคล็ดลับข้อที่ 1)
อย่ากลัวที่จะลงมือซ่อมแซมสักเล็กน้อย ที่ด้านบนจะเห็น Rikke Bonde ดีไซเนอร์วัสดุเย็บปะรอยขาดเล็กๆ เธอเรียกว่า "ซ่อมสมาธิ" ซึ่งเป็นโอกาสที่จะได้จดจ่อกับการสร้างสายสัมพันธ์ทั้งกับตัวเองและกับอุปกรณ์กีฬา
11. ซ่อมแซมตามที่ทำได้
แม้ตัวรองเท้าวิ่งจะซับซ้อน แต่การซ่อมแซมก็ไม่ได้ซับซ้อนตาม "ถ้ามีอะไรขาด แต่โครงสร้างโดยรวมยังดีอยู่ ผมก็จะซ่อม" Kelechi นักวิ่งจากลอนดอนกล่าว เขาเย็บรอยขาดตรงส่วนบนของ Epic React ที่ใส่เองโดยศึกษาเอาจากคลิปเทคนิคเย็บผ้าบน YouTube "ทุกอย่างหาได้ใน Google ครับ"
แม้ว่าควรจะปล่อยให้การซ่อมแซมโครงสร้างหลักๆ เป็นหน้าที่ของมืออาชีพ แต่นักวิ่งก็สามารถลองปะชุนส่วนบนกับซ่อมแซมพื้นรองเท้าชั้นนอกในแบบพื้นฐานเองได้ บางครั้งก็เป็นอะไรที่ทำได้ง่ายๆ อย่างเปลี่ยนเชือกรองเท้าที่รุ่ย หรือแปะเทปผ้าเพื่อเสริมความแข็งแรงในบริเวณที่มีการเสียดสีสูง
"ฉันใช้ของไม่ค่อยรักษาเท่าไหร่" Rikke เล่า เธอคือดีไซเนอร์วัสดุผู้พกชุดอุปกรณ์ปะชุนไปด้วยตอนแข่งอัลตร้า "ฉันรู้ว่าถ้าทำได้ดี หรืออย่างน้อยก็พยายาม ก็จะใส่ได้หรือซ่อมได้อีก"
ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป รองเท้าเก่าอาจใส่วิ่งต่อไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังใส่จัดสวนและใส่ทั่วไปได้อยู่ อย่างที่โค้ช Bennett ทำ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ด้วยการสังเกตสัญญาณตามที่ Amritpal Ghatora แสดงให้ดู
12. รับรู้และฉลองให้กับรองเท้าที่ปลดระวาง
"เป้าหมายไม่ใช่การยืดอายุรองเท้าให้ใช้งานได้ตลอดไป แต่คือยืดออกไปยาวที่สุดเท่าที่ดีไซน์มาให้ใช้งานได้" โค้ช Bennett กล่าว "เราไม่ได้พยายามปลุกรองเท้าตายให้ฟื้นคืนชีพกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง"
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคู่นี้ไปต่อไม่ไหวแล้ว อันที่จริงก็มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา อย่างแรกคือใส่วิ่งสะสมระยะทางไปแล้วเท่าไหร่ (อย่าลืมว่า โดยทั่วไประยะทาง 320-480 กม. นั้นถือว่าเป็นจำนวนที่ดีที่สุดตามข้อมูลของวิศวกรควบคุมคุณภาพของเรา) จากนั้นตรวจสอบรองเท้าและร่างกายของคุณเอง รองเท้าแสดงสัญญาณของการสึกหรอและฉีกขาดให้เห็นไหม ร่องดอกยางสึกจนเรียบไปแล้วหรือเปล่า การตอบสนองน้อยลงหรือต้องใช้เวลาฟื้นกำลังหลังวิ่งนานขึ้นไหม หากฟังดูคุ้นๆ ก็…ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะคุณได้ทำให้รองเท้าใช้ชีวิตได้ยืนยาวอย่างมีความหมาย จงภูมิใจ แล้วปลดระวางคู่นี้ได้เลย
แม้จะไม่ใส่คู่นี้ออกไปวิ่งอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องบอกลากันตลอดไป หากรองเท้าคู่เก่ายังอยู่ในสภาพที่ใส่ได้ ก็ลองใช้งานในแบบอื่นดูได้ จะใส่เป็นรองเท้าเดินเล่นทั่วไป หรือใส่เวลาจัดสวน หรือจะบริจาคให้เจ้าของใหม่ที่ต้องการก็ได้เช่นกัน หรือเมื่อรองเท้าหมดสภาพแล้วจริงๆ คุณก็สามารถนำรองเท้ากีฬาประเภทใดก็ได้มาส่งให้กับ Nike Store ที่เข้าร่วมโครงการรีไซเคิล
ตอนนี้คุณก็รู้แล้ว บอกต่อเลย
พฤติกรรมประจำวันของคุณเองก็มีผล ลองจินตนาการถึงความแตกต่างที่สร้างขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจของเราเมื่อเราลงมือทำด้วยกัน ดังนั้นหากคุณได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในบทความนี้เกี่ยวกับการดูแลรักษารองเท้า ก็แบ่งปันกับคนอื่นได้เลย
"ชุมชนนักวิ่งเป็นสถานที่อันยอดเยี่ยมที่จะลงมือทำ เพราะเต็มไปด้วยบุคคลที่มีความเอาใจใส่อย่างจริงจังและชอบออกไปวิ่งกลางแจ้ง ความผูกพันที่มีต่อสิ่งแวดล้อมก็เลยมีติดตัวมาอยู่แล้ว" Shelby ดีไซเนอร์ Nike กล่าว เธอวิ่งเพื่อให้จิตใจปลอดโปร่งและมีแรงบันดาลใจอยู่เสมอ "ทำให้การดูแลสิ่งของที่คุณมีเป็นเรื่องปกติ ยิ่งมีคนหันมาทำเช่นนี้มาขึ้นเท่าไหร่ วัฒนธรรมก็จะเปลี่ยนไปมากขึ้นเท่านั้น"
สนับสนุนโดย Move to Zero: การเดินทางของ Nike สู่การลดปริมาณคาร์บอนและของเสียให้เป็นศูนย์เพื่อช่วยปกป้องอนาคตแห่งเกมกีฬา
เรียบเรียงโดย Emily Jensen
ภาพถ่ายโดย: Holly-Marie Cato