วิเคราะห์ดูเลย: การใช้ข้อมูลขับเคลื่อนดีไซน์
นวัตกรรม
เรากำลังพัฒนาการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อเพิ่มการใช้วัสดุรีไซเคิลในรองเท้ารุ่นคลาสสิกมากขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงทางรูปลักษณ์นั้นเล็กน้อยมากจนเราคิดว่าคุณคงหาไม่เจอหรอก
Move to Zero ขอนำเสนอ: การเดินทางของ Nike สู่การลดปริมาณคาร์บอนและของเสียให้เป็นศูนย์เพื่อช่วยปกป้องอนาคตแห่งเกมกีฬา
หากต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงผ่านการดีไซน์สินค้า วิธีที่ดีคือการเริ่มต้นจากวัสดุ
คาร์บอนฟุตพริ้นท์ราว 70% ของ Nike นั้นมาจากวัสดุ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนแม้จุดเล็กๆ ก็สามารถช่วยให้เราลดการปล่อยมลพิษลงได้เป็นอย่างมาก
"เรารู้ว่าเรามีหน้าที่รับผิดชอบในการเปลี่ยนการใช้วัสดุของเรา" Isabel Torres นักพัฒนาวัสดุรองเท้ากล่าวถึงไลน์สินค้า Air Max ของ Nike "เหมือนเวลาเราปิดน้ำตอนแปรงฟัน คือมันควรจะเป็นเช่นนี้"
ทว่าแม้แต่การเปลี่ยนแปลงดังที่ควรจะเป็นนั้นก็อาจเป็นเรื่องยากได้หากไม่มีสิ่งที่ถูกต้องมารองรับ ข้อมูลจากการวิเคราะห์ (Data) จึงเข้ามาตอบโจทย์
"บทบาทหนึ่งของข้อมูลจากการวิเคราะห์ก็คือการช่วยให้ดีไซเนอร์ได้ถ่ายทอดแนวคิดออกมาให้เป็นจริง" Nina Watkins กล่าว เธอเป็นสมาชิกทีมนักวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยให้ดีไซเนอร์ได้มีเครื่องมือเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้นในเรื่องวัสดุ ตามมาดูการทำงานของทีมนี้กันเลย
ความก้าวหน้าด้านการดีไซน์โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นไปได้ก็ด้วยนักวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง Nina Watkins ที่เห็นในภาพด้านบน
ชั่งน้ำหนักตัวเลือกต่างๆ
หากเคยสงสัยว่าปริมาณวัสดุรีไซเคิลนั้นวัดกันอย่างไร ก็ต้องบอกว่าเป็นหน้าที่ของคนอย่าง Nina ในการคิดค้นวิธีออกมา
"การคำนวณนั้นโดยหลักแล้วใช้พีชคณิตพื้นฐาน" Nina บอก "แต่ก็ต้องใช้การทำงานเป็นทีมมากทีเดียวในการทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้" ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือการติดตามปริมาณวัสดุรีไซเคิลของทุกๆ องค์ประกอบจากซัพพลายเออร์ทุกเจ้า ซึ่งไม่ใช่งานเล็กๆ เลย
"ไม่เคยมีกระบวนการนี้มาก่อน เราเลยต้องทำไปด้วยหาวิธีไปด้วย" เธอเล่าต่อ "ในตอนแรก ฉันต้องใช้เครื่องชั่งน้ำหนักอาหารในครัวชั่งน้ำหนักองค์ประกอบของรองเท้าเองทีละส่วนๆ"
Nina ใช้เครื่องชั่งน้ำหนักอาหารในครัวในการชั่งน้ำหนักองค์ประกอบแต่ละอย่างเพื่อที่จะกำหนดปริมาณวัสดุรีไซเคิลในรองเท้า
วิธีการวัดปริมาณวัสดุรีไซเคิลของรองเท้า:
- ดูเปอร์เซ็นต์ของวัสดุรีไซเคิลจากส่วนประกอบแต่ละส่วน
- นำมาคูณด้วยน้ำหนักของส่วนประกอบนั้นๆ เพื่อให้ได้ออกมาเป็นน้ำหนักวัสดุรีไซเคิลของส่วนประกอบดังกล่าว
- นำน้ำหนักวัสดุรีไซเคิลที่ได้มาบวกรวมกัน (x หลายๆ ส่วนของรองเท้า)
- นำน้ำหนักรวมของวัสดุรีไซเคิลมาหารด้วยน้ำหนักรวมของรองเท้าซึ่งอยู่ในขั้นสำเร็จของกระบวนการผลิต
- ตัวเลขสุดท้ายที่ได้ออกมา = เปอร์เซ็นต์วัสดุรีไซเคิลตามน้ำหนักของรองเท้าแต่ละคู่ เท่านี้ก็เรียบร้อย
"ทีนี้เราก็สามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนจากสูตรต้นแบบนี้ได้ด้วยความช่วยเหลือระดับสุดยอดจากพาร์ทเนอร์โรงงานของเรา" Nina บอก "พวกเขาไม่ได้ทำเพียงผลิตรองเท้าของเรา แต่ยังชั่งน้ำหนักองค์ประกอบแต่ละอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบก่อนแต่ละรอบตัวอย่างด้วย"
กระแสข้อมูล (Data Flow) ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนี้ทำให้ดีไซเนอร์ Nike มีชุดข้อมูลที่สำคัญยิ่งในเรื่องวัสดุซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ ไม่ว่าจะในการพัฒนารองเท้ารุ่นใหม่หรือนำดีไซน์คลาสสิกมาปรับโฉมใหม่
Grace (ซ้าย) และ Isabel ใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์เพื่อช่วยในการตัดสินใจด้านดีไซน์อย่างมีหลักฐานข้อมูล
การนำข้อมูลจากการวิเคราะห์มาใช้งาน
ตัวอย่างการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ประกอบคือการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของรองเท้า Nike Air Max 90, 95 และ 97 สำหรับผู้หญิง
"พวกนี้คือรองเท้าไอคอนทั้งนั้น" Grace Lee ดีไซเนอร์อาวุโสด้านวัสดุกล่าว "แต่ Nike คือแบรนด์แห่งนวัตกรรมที่เสาะหาวิธีที่จะพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ในกรณีนี้เรารู้ว่าเราพัฒนารองเท้าพวกนี้ไปอีกขั้นได้ด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิลให้มากขึ้น"
เป้าหมายคือการปรับโฉมใหม่ให้กับรองเท้ารุ่นสำคัญในไลน์ Air Max ซึ่งเป็นหนึ่งในรุ่นที่เป็นที่นิยมที่สุดของ Nike
Grace Lee ดีไซเนอร์อาวุโสด้านวัสดุ ทำการเปรียบเทียบพาเลทวัสดุ
โปรเจกต์นี้เรียกกันว่า "Better Essentials" (สินค้าพื้นฐานที่ดีกว่า) โดยใช้คำว่า "Better" (ดีกว่า) เพราะเป้าหมายคือการใช้วัสดุรีไซเคิลให้มากกว่ารุ่นออริจินัล และใช้คำว่า "Essential" (สินค้าพื้นฐาน) เพราะรุ่นที่ผลิตโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมนั้นไม่ได้ลบเลือนสิ่งที่ทำให้รุ่นออริจินัลเป็นที่รู้จักดีแต่อย่างใด
"เราใส่ใจในรายละเอียดกันแบบสุดๆ ทั้งความรู้สึก กลิ่น สัมผัส ทุกสิ่งเลย" Negin Mani ผู้จัดการสายผลิตภัณฑ์กล่าว "เพื่อที่แฟนๆ Nike จะได้เป็นเจ้าของสินค้าเดิมที่เผอิญว่ามีส่วนช่วยในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิล"
ตัวอย่างสินค้าขั้นสุดท้ายของโปรเจกต์ Better Essentials: รองเท้า Nike Air Max 95 ที่ผลิตด้วยวัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 20% ตามน้ำหนัก
ลงมือลุยในการดีไซน์
ในท้ายที่สุด การมีข้อมูลจากการวิเคราะห์และเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ทำให้ทีมสามารถตัดสินใจเลือกใช้วัสดุล้ำนวัตกรรมได้ พวกเขาปรับโฉมใหม่ให้กับทุกสิ่งด้วยการใช้วัสดุทางเลือกแบบรีไซเคิลที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า ตั้งแต่เชือกรองเท้า ชั้นบุ ไปจนถึงพื้นรองเท้าชั้นกลาง
ผลที่ได้คือรองเท้าซึ่งมีส่วนประกอบของวัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 20% ตามน้ำหนัก
การแปลงโฉมดังกล่าวไม่ได้จะทำให้อะไรๆ อยู่ผิดที่ผิดทาง แฟน Air Max ตัวจริงจะไม่สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในด้านวัสดุเลย
แบบนี้ถือว่าทีมประสบความสำเร็จไหม
"ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุและฉันเองก็ไม่เห็นความแตกต่างเลยระหว่างรุ่นออริจินัลกับรุ่นที่ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" Grace บอก
ฟังดูแล้วถือว่าประสบความสำเร็จ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่ Nike.com/Sustainability เพื่อติดตามการเดินทางของพวกเราแต่ละก้าว แล้วร่วมกันค้นพบเส้นทางใหม่ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมาย Move to Zero สู่การลดปริมาณคาร์บอนและของเสียให้เป็นศูนย์ด้วยกัน
ภาพถ่ายโดย Ariel Fisher
เรียบเรียงโดย Sallie Stacker
Move to Zero ขอนำเสนอ: การเดินทางของ Nike สู่การลดปริมาณคาร์บอนและของเสียให้เป็นศูนย์เพื่อช่วยปกป้องอนาคตแห่งเกมกีฬา
หากต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงผ่านการดีไซน์สินค้า วิธีที่ดีคือการเริ่มต้นจากวัสดุ
คาร์บอนฟุตพริ้นท์ราว 70% ของ Nike นั้นมาจากวัสดุ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนแม้จุดเล็กๆ ก็สามารถช่วยให้เราลดการปล่อยมลพิษลงได้เป็นอย่างมาก
"เรารู้ว่าเรามีหน้าที่รับผิดชอบในการเปลี่ยนการใช้วัสดุของเรา" Isabel Torres นักพัฒนาวัสดุรองเท้ากล่าวถึงไลน์สินค้า Air Max ของ Nike "เหมือนเวลาเราปิดน้ำตอนแปรงฟัน คือมันควรจะเป็นเช่นนี้"
ทว่าแม้แต่การเปลี่ยนแปลงดังที่ควรจะเป็นนั้นก็อาจเป็นเรื่องยากได้หากไม่มีสิ่งที่ถูกต้องมารองรับ ข้อมูลจากการวิเคราะห์ (Data) จึงเข้ามาตอบโจทย์
"บทบาทหนึ่งของข้อมูลจากการวิเคราะห์ก็คือการช่วยให้ดีไซเนอร์ได้ถ่ายทอดแนวคิดออกมาให้เป็นจริง" Nina Watkins กล่าว เธอเป็นสมาชิกทีมนักวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยให้ดีไซเนอร์ได้มีเครื่องมือเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้นในเรื่องวัสดุ ตามมาดูการทำงานของทีมนี้กันเลย
ความก้าวหน้าด้านการดีไซน์โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นไปได้ก็ด้วยนักวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง Nina Watkins ที่เห็นในภาพด้านบน
Nina ใช้เครื่องชั่งน้ำหนักอาหารในครัวในการชั่งน้ำหนักองค์ประกอบแต่ละอย่างเพื่อที่จะกำหนดปริมาณวัสดุรีไซเคิลในรองเท้า
ชั่งน้ำหนักตัวเลือกต่างๆ
หากเคยสงสัยว่าปริมาณวัสดุรีไซเคิลนั้นวัดกันอย่างไร ก็ต้องบอกว่าเป็นหน้าที่ของคนอย่าง Nina ในการคิดค้นวิธีออกมา
"การคำนวณนั้นโดยหลักแล้วใช้พีชคณิตพื้นฐาน" Nina บอก "แต่ก็ต้องใช้การทำงานเป็นทีมมากทีเดียวในการทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้" ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือการติดตามปริมาณวัสดุรีไซเคิลของทุกๆ องค์ประกอบจากซัพพลายเออร์ทุกเจ้า ซึ่งไม่ใช่งานเล็กๆ เลย
"ไม่เคยมีกระบวนการนี้มาก่อน เราเลยต้องทำไปด้วยหาวิธีไปด้วย" เธอเล่าต่อ "ในตอนแรก ฉันต้องใช้เครื่องชั่งน้ำหนักอาหารในครัวชั่งน้ำหนักองค์ประกอบของรองเท้าเองทีละส่วนๆ"
Grace (ซ้าย) Negin (กลาง) และ Isabel ใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์เพื่อช่วยในการตัดสินใจด้านดีไซน์อย่างมีหลักฐานข้อมูล และในการเลือก
ใช้วัสดุให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
วิธีการวัดปริมาณวัสดุรีไซเคิลของรองเท้า:
- ดูเปอร์เซ็นต์ของวัสดุรีไซเคิลจากส่วนประกอบแต่ละส่วน
- นำมาคูณด้วยน้ำหนักของส่วนประกอบนั้นๆ เพื่อให้ได้ออกมาเป็นน้ำหนักวัสดุรีไซเคิลของส่วนประกอบดังกล่าว
- นำน้ำหนักวัสดุรีไซเคิลที่ได้มาบวกรวมกัน (x หลายๆ ส่วนของรองเท้า)
- นำน้ำหนักรวมของวัสดุรีไซเคิลมาหารด้วยน้ำหนักรวมของรองเท้าซึ่งอยู่ในขั้นสำเร็จของกระบวนการผลิต
- ตัวเลขสุดท้ายที่ได้ออกมา = เปอร์เซ็นต์วัสดุรีไซเคิลตามน้ำหนักของรองเท้าแต่ละคู่ เท่านี้ก็เรียบร้อย
"ทีนี้เราก็สามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนจากสูตรต้นแบบนี้ได้ด้วยความช่วยเหลือระดับสุดยอดจากพาร์ทเนอร์โรงงานของเรา" Nina บอก "พวกเขาไม่ได้ทำเพียงผลิตรองเท้าของเรา แต่ยังชั่งน้ำหนักองค์ประกอบแต่ละอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบก่อนแต่ละรอบตัวอย่างด้วย"
กระแสข้อมูล (Data Flow) ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนี้ทำให้ดีไซเนอร์ Nike มีชุดข้อมูลที่สำคัญยิ่งในเรื่องวัสดุซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ ไม่ว่าจะในการพัฒนารองเท้ารุ่นใหม่หรือนำดีไซน์คลาสสิกมาปรับโฉมใหม่
การนำข้อมูลจากการวิเคราะห์มาใช้งาน
ตัวอย่างการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ประกอบคือการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของรองเท้า Nike Air Max 90, 95 และ 97 สำหรับผู้หญิง
"พวกนี้คือรองเท้าไอคอนทั้งนั้น" Grace Lee ดีไซเนอร์อาวุโสด้านวัสดุกล่าว "แต่ Nike คือแบรนด์แห่งนวัตกรรมที่เสาะหาวิธีที่จะพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ในกรณีนี้เรารู้ว่าเราพัฒนารองเท้าพวกนี้ไปอีกขั้นได้ด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิลให้มากขึ้น"
เป้าหมายคือการปรับโฉมใหม่ให้กับรองเท้ารุ่นสำคัญในไลน์ Air Max ซึ่งเป็นหนึ่งในรุ่นที่เป็นที่นิยมที่สุดของ Nike
"เรารู้ว่าเราพัฒนารองเท้าไปอีกขั้นได้ด้วยการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น" Grace Lee ดีไซเนอร์ด้านวัสดุที่เห็นในภาพกล่าว
โปรเจกต์นี้เรียกกันว่า "Better Essentials" (สินค้าพื้นฐานที่ดีกว่า) โดยใช้คำว่า "Better" (ดีกว่า) เพราะเป้าหมายคือการใช้วัสดุรีไซเคิลให้มากกว่ารุ่นออริจินัล และใช้คำว่า "Essential" (สินค้าพื้นฐาน) เพราะรุ่นที่ผลิตโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมนั้นไม่ได้ลบเลือนสิ่งที่ทำให้รุ่นออริจินัลเป็นที่รู้จักดีแต่อย่างใด
"เราใส่ใจในรายละเอียดกันแบบสุดๆ ทั้งความรู้สึก กลิ่น สัมผัส ทุกสิ่งเลย" Negin Mani ผู้จัดการสายผลิตภัณฑ์กล่าว "เพื่อที่แฟนๆ Nike จะได้เป็นเจ้าของสินค้าเดิมที่เผอิญว่ามีส่วนช่วยในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิล"
Isabel Torres (ซ้าย) นักพัฒนาวัสดุรองเท้ากำลังทำงาน
ตัวอย่างสินค้าขั้นสุดท้ายของโปรเจกต์ Better Essentials (ขวา)
ลงมือลุยในการดีไซน์
ในท้ายที่สุด การมีข้อมูลจากการวิเคราะห์และเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ทำให้ทีมสามารถตัดสินใจเลือกใช้วัสดุล้ำนวัตกรรมได้ พวกเขาปรับโฉมใหม่ให้กับทุกสิ่งด้วยการใช้วัสดุทางเลือกแบบรีไซเคิลที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า ตั้งแต่เชือกรองเท้า ชั้นบุ ไปจนถึงพื้นรองเท้าชั้นกลาง
ผลที่ได้คือรองเท้าซึ่งมีส่วนประกอบของวัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 20% ตามน้ำหนัก
การแปลงโฉมดังกล่าวไม่ได้จะทำให้อะไรๆ อยู่ผิดที่ผิดทาง แฟน Air Max ตัวจริงจะไม่สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในด้านวัสดุเลย
แบบนี้ถือว่าทีมประสบความสำเร็จไหม
"ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุและฉันเองก็ไม่เห็นความแตกต่างเลยระหว่างรุ่นออริจินัลกับรุ่นที่ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" Grace บอก
ฟังดูแล้วถือว่าประสบความสำเร็จ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่ Nike.com/Sustainability เพื่อติดตามการเดินทางของพวกเราแต่ละก้าว แล้วร่วมกันค้นพบเส้นทางใหม่ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมาย Move to Zero สู่การลดปริมาณคาร์บอนและของเสียให้เป็นศูนย์ด้วยกัน
ภาพถ่ายโดย Ariel Fisher
เรียบเรียงโดย Sallie Stacker