รากเหง้าของครอบครัวผลักดันให้ Amira ตั้งเป้าหมายใหม่ให้กับอนาคตของตัวเธอเอง
วัฒนธรรม
นักกีฬาและนางแบบวัย 23 ปีคนนี้ไล่ตามความสำเร็จด้านการศึกษาและความฝันในเมืองใหญ่เพื่อกลายมาเป็นบัณฑิตมหาวิทยาลัยรุ่นแรกของครอบครัวได้อย่างไร
“ผู้บุกเบิก” คือซีรีส์เสริมกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังทลายความท้าทายใหม่ๆ ทั้งในด้านกีฬาและชีวิต
“เมื่อคนถามว่าฉันมาจากไหน ฉันจะตอบว่า ‘นั่นสิ ที่ไหนก็ไม่รู้’” ซึ่งถ้าจะให้อธิบาย นี่คือคำพูดติดตลกที่ Amira Natanne ใช้พูดถึงเมืองลัตเชอร์ในรัฐลุยเซียน่า เมืองอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองนิวออร์ลีนส์กับแบตันรูช “คุณต้องออกจากทางหลวงเพื่อไปที่นั่น” นางแบบและบัณฑิตหมาดๆ วัย 23 ปีกล่าว “ในเมืองนั้น คุณมีโอกาสสูงที่จะได้รู้จักหรือเป็นญาติมิตรกับทุกๆ คน”
ลัตเชอร์อาจเป็นเมืองขนาดเล็ก แต่ก็เป็นรากฐานในการตัดสินใจของ Amira ในการออกไปแสวงหาโลกที่ใหญ่กว่า เธอคือบัณฑิตมหาวิทยาลัยรุ่นแรกของครอบครัว ระดับการศึกษาและชีวิตในนิวยอร์กซิตี้คือส่วนหนึ่งของความฝันที่คิดได้เมื่อออกจากเมืองลัตเชอร์เพื่อไขว่คว้าการศึกษาที่สูงขึ้นในสาขาชีวจริยธรรมและ (ในตอนนี้) โอกาสด้านอาชีพการงานอื่นๆ เธอนั่งอยู่ในอพาร์ตเมนต์ของตัวเองที่ไกลจากลัตเชอร์ถึง 1,500 ไมล์ในเมืองบุชวิก บรู๊คลิน พลางทบทวนชีวิตของตัวเองว่ามาได้ไกลถึงเพียงใด
รากเหง้าของ Amira ฝังลึกและกว้างขวางในเมืองลัตเชอร์ ทวดของเธอเป็นผู้ก่อตั้งหน่วยการแพทย์แห่งแรกและให้บริการอยู่เป็นแห่งเดียวอยู่ช่วงหนึ่งในพื้นที่นั้นของเมือง ในช่วงวัยเด็ก เมื่อมีใครสักคนรู้นามสกุลของเธอ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะได้ยินเรื่องราวว่าทวดของเธอได้ช่วยชีวิตญาติพี่น้องของพวกเขาไว้อย่างไร “เราอยู่ห่างจากเมืองใหญ่ 45 นาทีทุกเส้นทาง ดังนั้นก็เป็นครอบครัวฉันนี่แหละที่ต้องดูแลคนทั้งพื้นที่” เธอกล่าว
กลุ่มคนที่เธอนับถือเป็นสมาชิกครอบครัวนั้นมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการอบรมบ่มนิสัยให้กับเธอ “ฉันได้รับการเลี้ยงดูจากใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น” เธอย้อนระลึก และคนที่อยู่ตรงนั้นแต่ละคนมักจะสอนให้เธอตัดสินใจและสร้างทางเดินของเธอเองอยู่เสมอ “ไม่มีใครเคยบอกฉันว่า ‘นี่แหน่ะ เป็นเด็กผู้หญิง ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ’” Amira บอก “ที่ฉันได้ยินก็คือ ‘ยึดมั่นในเส้นทางของตัวเองเข้าไว้ ทำอะไรก็ได้ที่มันดูแลตัวเองได้ อย่าให้ความคิดคนอื่นมาส่งผลต่อการตัดสินใจโดยรวมของเรา’”
“ไม่มีใครเคยบอกฉันว่า ‘นี่แหน่ะ เป็นเด็กผู้หญิง เธอทำอย่างนี้ไม่ได้นะ’” Amira บอก “ที่ฉันได้ยินก็คือ ‘ยึดมั่นในเส้นทางของตัวเองเข้าไว้ ทำอะไรก็ได้ที่มันดูแลตัวเองได้ ’”
ดังนั้น Amira จึงเลือกยึดมั่นในเส้นทางอีกครั้ง “ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ได้อยากอยู่ [ในลัตเชอร์] ตลอดไป” เธอกล่าว “ชีวิตที่ลัตเชอร์คือการเรียนชั้นมัธยมปลาย แต่งงานกับหวานใจวัยเรียน ย้ายไปอยู่ด้วยกัน มีลูก สามีทำงานในโรงงาน และเริ่มซื้อบ้านได้เมื่ออายุ 22”
แทนที่จะมีชีวิตแบบนั้น Amira กลับมุ่งเป้าไปที่นิวยอร์กและมหาวิทยาลัย เธอใช้เวลา 4 ปีเพื่อพยายามทำตามเป้าหมายอย่างสุดความสามารถ เธอเข้าร่วมแทบจะทุกกิจกรรมนอกหลักสูตรที่ Lutcher High School จัดสรรให้ ไม่ว่าจะเป็นชมรมปืนไรเฟิล ชมรมกระโดดค้ำถ่อ ชมรมสำหรับเด็กเรียนดีหลายๆ ชมรม รวมไปถึงการเข้าทีมยกน้ำหนัก “ฉันรักการยกน้ำหนักนะ” เธอย้อนความให้ฟัง “ฉันรักมันมากๆ ฉันยกน้ำหนักไม่เก่งหรอก แต่ทีมนั้นเยี่ยมจริง ยอดเยี่ยมมาก พวกเขาเป็นแชมป์ระดับรัฐ 10 ครั้งได้มั้ง เก่งกันหลายคน ฉันไม่ใช่หนึ่งในนั้นหรอกนะแต่ก็ได้ช่วยในจุดที่ทำได้”
หลังจากร่อนใบสมัครเข้ามหาวิทยาลัยได้นับสิบแห่งและ
ได้รับจดหมายตอบรับจาก New York University ในปี 2015 แล้ว Amira ก็ขึ้นเครื่องจากลุยเซียน่าไปยังนิวยอร์กซิตี้เพื่อเริ่มบทใหม่ของชีวิตพร้อมกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ
“หลายคนที่ฉันเจอก็เป็นรุ่นแรกของครอบครัวที่ได้มาเรียนเหมือนกัน” เธอบอก “ซึ่งพอรู้แล้วก็สบายใจนะ ทำให้กังวลเรื่องต่างๆ น้อยลงด้วย”
การออกจากเมืองลัตเชอร์เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ มากมาย เช่น เธอได้เซ็นสัญญากับบริษัทโมเดลลิ่ง ได้ปรากฏตัวบนรันเวย์ที่ New York Fashion Week และได้รับงานโฆษณาอีกหลายชิ้น การออกจากเมืองยังช่วยปลุกความทะเยอทะยานแรกของเธออย่างการออกไปเห็นโลกกว้างให้กลับมามีพลังเต็มเปี่ยมอีกครั้งด้วย “ฉันได้รู้ว่าตัวเองสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้” เธอกล่าว “ฉันได้รู้ว่าฉันพึ่งพาตัวเองได้ กล้าลองสิ่งใหม่ๆ และเอาตัวรอดเก่ง มีเสน่ห์ดึงดูดเมื่ออยากมี และยืนหยัดหนักแน่นเมื่อจำเป็น” ซึ่งอันที่จริง เธอไปลุยเดี่ยวข้ามทวีปแบบชิวๆ มาหลายที่แล้วด้วยซ้ำ ตั้งแต่ อินโดนีเซีย เม็กซิโก ไปจนถึงสหราชอาณาจักร
ตอนนี้ Amira กำลังมองหาเป้าหมายต่อไปและวิธีที่จะใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งรวมไปถึงการเล่นกีฬาชนิดต่างๆ เธออาจจะคิดถึงช่วงเวลาต่างๆ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของทีมกีฬาในระดับองค์กรก็จริง แต่การฝึกซ้อมเคลื่อนไหวก็ช่วยให้เธอกลับมามองความเป็นจริงได้เสมอ เธอยกน้ำหนักที่บ้าน เดินระยะไกล และตั้งเป้าว่าจะฝึกโยคะ 30 วัน และถึงแม้จะบอกว่าตัวเองไม่ค่อยมีความอดทน แต่เธอก็กำลังจะฝึกทำสมาธิแล้วด้วย
ด้วยแรงบันดาลใจจากคุณตา ทำให้ Amira ตัดสินใจเลือกเรียนระดับมหาวิทยาลัยในรายวิชาที่มีการศึกษาด้านอายุรศาสตร์และผลกระทบที่มีต่อกลุ่มคนชายขอบผู้มีจุดร่วมในเรื่องเพศและชาติพันธุ์ เธอต้องการลดอัตราการเสียชีวิตที่สูงของผู้หญิงผิวดำระหว่างการคลอดบุตร และตั้งใจจะนำความมุ่งมั่นนี้มาเป็นแรงผลักดันในการได้ใบรับรองผู้ช่วยทำคลอดหรือ ดูลา (Dula) เพื่อช่วยเหลือและประคับประคองมารดาตั้งครรภ์ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังจากการทำคลอด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญและทำให้เธอตระหนักขึ้นมาได้ “แม่ของฉันมีลูก 5 คน และเธอต้องผ่าคลอดถึง 4 คน” Amira บอก
เด็กที่จากบ้านมาอยู่นิวยอร์กคนนี้เชื่อในความขี้สงสัยและช่างถามของตัวเอง สาเหตุที่ทำให้เธอเชื่อเช่นนี้สามารถสืบย้อนไปได้ไม่ยากเลย เพราะนี่คือสิ่งที่เธอได้จากครอบครัว “สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากครอบครัวคือการเป็นผู้ดูแลชุมชน” Amira บอก “เพราะครอบครัวของฉันก็ดูแลชุมชนมาก่อนแล้วนั่นเอง”
เรียบเรียงโดย Lakin Starling
ภาพถ่ายโดย Courtney Sofiah Yates
ภาพยนตร์โดย Sara McDowell, Amira Natanne
รายงานเมื่อ: กันยายน 2020